Honda Civic e:HEV RS 2023 มาพร้อมขุมพลังไฮบริด e:HEV ที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน อย่างชาญฉลาด ควบคุมการส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ E-CVT และระบบส่งกำลังแบบเฟืองท้าย ให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ประหยัดน้ำมัน ปล่อยมลพิษต่ำ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ฮอนด้า ซีวิค หนึ่งในรถยนต์ซีดานที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต เทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ล่าสุด ฮอนด้าได้เปิดตัว Civic e:HEV RS โฉมใหม่ มาพร้อมขุมพลังไฮบริดที่ผสานความแรง ประหยัดน้ำมัน และขับสนุก เข้าไว้ด้วยกัน โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว กระจังหน้าแบบใหม่ ไฟหน้า LED ไฟท้าย LED รูปทรงตัว C ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต เสริมด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า ฝากระโปรงหน้า กระโปรงท้าย และด้านข้าง สื่อถึงความสปอร์ตเร้าใจ ขณะที่ Civic e:HEV EL+ ติดตั้งมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว, ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto, ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยรีโมท และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำ เบาะนั่งหนังแท้สีดำเย็บด้ายแดง ดีไซน์สปอร์ตโอบกระชับ รองรับสรีระ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ควบคุมระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวก หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว Honda Civic e:HEV RS 2023 ระบบ Honda CONNECT รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ช่องปรับอากาศแบบแยกโซน ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างอิสระ ช่องเก็บสัมภาระด้านหลังกว้างขวาง รองรับการใช้งานหลากหลายฮอนด้า ซีวิค e:HEV RS ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ดีไซน์สปอร์ตเร้าใจ ขุมพลังไฮบริดประหยัดน้ำมัน เทคโนโลยีล้ำสมัย ครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่ทั้งสปอร์ต ประหยัด และขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง, แป้นคันเร่งแบบสปอร์ต, เบาะนั่งด้านหลังปรับพับแยก 60:40, ระบบควบคุมประตู Honda Smart Key Card, มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูล การขับขี่ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto, ระบบชาร์จไฟไร้สายระบบสตาร์ทเครื่องยนต์และระบบปรับอากาศด้วยรีโมท, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา, ช่องแอร์หลัง, ช่อง USB
ภายนอกของ Honda Civic e:HEV RS 2023 ติดตั้งกระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม, กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS, ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED, ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED, กระจกมองข้างสีดำ, มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม, เสาอากาศแบบครับฉลามสีดำ, สปอยเลอร์หลังสีดำ และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว ในด้านของดีไซน์ Honda Civic e:HEV ใหม่ คงไม่ต้องพูดถึงกันมากนัก เพราะหลายคนคงเห็นรถรุ่นนี้วิ่งบนท้องถนนกันทั่วไปแล้ว แต่ในรุ่น e:HEV ทั้ง EL+ และ RS ก็มีจุดต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ซึ่งก็คือไฟหน้าแบบ LED ที่ถูกตกแต่งด้วยกรอบโครเมียมเล็กๆ บริเวณตำแหน่งไฟสูงด้านใน ส่วนรุ่น EL+ จะได้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลวดลายเดียวกับรุ่น Turbo RS เดิม แต่เปลี่ยนไปใช้สีทูโทนเทา-เงิน ขณะที่รุ่น e:HEV RS จะได้ล้ออัลลอยลายใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 18 นิ้ว ตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-เงิน ทั้งยังใจป้ำหุ้มด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4 ขนาด 235/40 ZR18 มาให้ (ซึ่งสัญลักษณ์ Z ก็หมายถึงดัชนีความเร็วของยางที่รองรับความเร็วมากกว่า 240 กม./ชม. ขึ้นไป)
Honda Civic e:HEV RS 2023 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนแบบ e-CVT ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น ประหยัดน้ำมันสูงสุด 24.8 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ได้อย่างลงตัว ให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ประหยัดน้ำมัน ปล่อยมลพิษต่ำ
มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย อาทิ ระบบ Honda SENSING รวมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะครบครัน เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบเบรกอัตโนมัติ ระบบเตือนรถออกนอกเลน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ระบบเตือนจุดอับสายตา ระบบเตือนข้ามถนน ระบบช่วยรักษาระยะห่างระหว่างคันหน้า ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display) ระบบ Honda CONNECT เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ควบคุมระบบต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย
Honda Civic e:HEV RS 2023 ระบบ e:HEV ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า สลับไปมาระหว่างโหมดการขับขี่ 3 โหมด
ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV มีส่วนประกอบหลักคือ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว แบ่งเป็นมอเตอร์สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน น้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว อัตราส่วนการอัด 13.9:1 กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 182 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที
เครื่องแรงแล้วช่วงล่าง เป็นอีกอย่างที่ Honda Civic e:HEV RS 2023 ทำได้ดีกว่า Civic 1.5Turbo ชัดเจน ช่วงล่างที่ได้รับการปรับเซ็ตใหม่ เพื่อรองรับกับเครื่องยนต์ฟูลไฮบริด และน้ำหนักที่เปลี่ยนไป แบตเตอรี่ถูกวางไว้ช่วงที่นั่งด้านหลังและอยู่ต่ำกว่าเดิม 1 เซนติเมตร ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถคันนี้เตี้ยลง เพิ่มค่า K สปริง ให้มากขึ้นกว่าเดิม 10% รวมไปถึงตัวกระบอกโช้คก็ได้มีการปรับใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับน้ำหนัก ทำให้เวลาวิ่งแล้วทำให้ตัวรถรู้สึกได้ถึงความสปอร์ต ให้การยึดเกาะถนนที่ดี Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow (ACC with LSF) ระบบควบคุมความเร็ว อัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ เป็นระบบที่จำเป็นสำหรับชีวิตคนเมืองที่ต้องเดินทางเวลารถติด หรือเดินทางไกลทำให้ขับขี่ได้อย่างสบายมากยิ่งขึ้น
หน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto เชื่อมต่ออย่างง่ายดายไม่มีสายต่อให้เกะกะ ทำให้ชีวิตของผู้ขับขี่สบายยิ่งขึ้น และเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่ ส่วนระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ประกอบด้วย ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch), ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor), กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ, (Multi-angle Rearview Camera), ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
ทิ้งช่วง จากการเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย และ การประกาศราคาอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน ฮอนด้าก็จัดทริปทดลองขับ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ Honda Civic e:HEV RS 2023 บนเส้นทางภาคเหนือ เชียงราย-เชียงแสน โดยใช้รถรุ่นสูงสุด RS ราคา 1,259,000 บาท ได้ลองทั้งทางตรงโล่งยาว และการใช้งานในเมือง สรุปสั้นๆ ได้ว่ารถรุ่นนี้ให้ทั้งความแรงในระดับที่น่าพอใจ และถ้าขับชิลๆ ก็ประหยัดน้ำมันได้ถึงระดับ 20 กิโลเมตรต่อลิตร มิติตัวรถมีความยาว 4,678 มิลลิเมตร กว้าง 1,802 มิลลิเมตร สูง 1,415 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,734 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,537/1,576 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 128 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,429 กิโลกรัม
รูปลักษณ์โดยรวมมีความเป็นผู้ใหญ่กว่ารุ่นเดิม ขนาดตัวรถค่อนข้างใหญ่ ทรงรถแบนเตี้ยและยาวให้มุมมองที่สปอร์ต เมื่อรวมกับการตกแต่งของรุ่น RS ทำให้ซีวิครุ่นนี้ดูเป็นสปอร์ตซีดานกึ่งใหญ่ ยังคงความปราดเปรียวและมีกลิ่นไอของความหรูหราที่มาจากทั้งการตกแต่งและภาพลักษณ์ของแบรนด์ฮอนด้า เป็นรถที่ครอบคลุมช่วงอายุของกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น ห้องโดยสารออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Fine Morning’ แผงคอนโซลอยู่ในระดับต่ำและไม่ยื่นยาวออกมามากนัก เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ทำให้ผู้ขับอยู่ในตำแหน่งท่านั่งที่ถูกต้องและสะดวกสบาย ทัศนวิสัยรอบคันค่อนข้างโปร่ง ช่วยให้ขับได้อย่างมั่นใจและใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวเข้ากับรถ รู้สึกว่าควบคุมรถได้ง่ายและคล่องตัว แม้เบาะนั่งจะวางตำแหน่งไว้ค่อนข้างต่ำ เพื่อให้ความรู้สึกสปอร์ตมั่นคง แต่ยังคงกะระยะรอบคันได้ง่าย
อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน ที่ต้องชมคือ ให้ระบบความปลอดภัยในกลุ่ม Honda SENSING มาเท่าเทียมกันทุกรุ่นย่อย อุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ก็จัดเต็มตามลำดับขั้นของรุ่นสูงสุด ที่ได้ใช้ตลอดทริป คือ Wireless Apple CarPlay สำหรับดู Google Map และระบบ Wireless Charger ที่แรงพอจะชาร์จสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ได้จริง ไม่ต้องพกสาย USB ให้รุงรัง จอที่คอนโซลกลางเป็นระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ใหญ่เต็มตา Honda Civic e:HEV RS 2023 มีความละเอียดคมชัด และตอบสนองการสั่งงานได้รวดเร็ว เบาะหลังมีสาธารณูปโภครองรับทั้ง ช่องแอร์และ 2 ช่องเชื่อมต่อ USB พนักพิงแยกพับ 60:40 ที่มีเฉพาะรุ่น e:HEV RS ช่วงถาม-ตอบ มีเพื่อนสื่อมวลชนสอบถามว่า ทำไมรุ่นอื่นไม่ทำพนักพิงเบาะหลังพับได้ เพราะต้นทุนไม่น่าเพิ่มขึ้นมาก ได้คำตอบว่าเพื่อสร้างความแตกต่าง เนื่องจากฮอนด้าให้อุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยใกล้เคียงกันในแต่ละรุ่นย่อย
การเก็บเสียงเป็นอีกเรื่องที่น่าชื่นชม สมกับที่เพิ่มระบบ ANC (Active Noise Control) และระบบ ASC (Active Sound Control) โดย ANC ทำหน้าที่ลดเสียงรบกวนโดยตรง เช่น ลดเสียงรบกวนในช่วงที่ขับบนถนนขรุขระ ส่วน ASC เป็นเสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์ แปรผันตามการกดคันเร่ง เส้นทางที่ทดลองขับบางช่วงเป็นทางตรงโล่งยาว และแทบไม่มีรถคันอื่น ได้ลองใช้ความเร็วสูงเกินการใช้งานปกติไปบ้าง พบว่ามีเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารน้อยมาก รวมทั้งเสียงเครื่องยนต์และเสียงยาง ก็ดังในระดับที่ไม่ถึงขั้นเสียงรบกวน ขับความเร็วเดินทาง 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ห้องโดยสารเงียบสงบ ขับได้อย่างผ่อนคลายและรู้สึกปลอดภัย ด้วยสภาพแวดล้อมภายในห้องโดยสาร ทั้งคุณภาพวัสดุ อุปกรณ์มาตรฐาน และความกว้างขวาง แม้จะเป็นรถในกลุ่มคอมแพกต์ แต่สามารถใช้เป็นรถสำหรับครอบครัวขนาดเล็กได้สบาย
ฮอนด้า ซีวิค e:HEV RS มาพร้อมขุมพลังไฮบริด Sport Hybrid i-MMD ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานด้วยวัฏจักร Atkinson Cycle เผาไหม้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมการเปิดปิดวาล์วไอดีด้วยระบบ VTEC เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในรอบเครื่องยนต์ต่ำและสูง
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหน้า ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน ให้การเร่งที่รวดเร็ว ราบรื่น เงียบสงบ ประหยัดน้ำมัน
ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า ควบคุมการส่งกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ปรับอัตราทดได้อย่างต่อเนื่อง ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างแม่นยำ ราบรื่น
ระบบส่งกำลังแบบเฟืองท้าย ถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า สู่ล้อหน้า ขับเคลื่อนรถยนต์ให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ควบคุมการทำงานด้วยชุดควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) กำลังมอเตอร์สูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0-2,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT)อัตราสิ้นเปลือง 25 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 96 กรัมต่อกิโลเมตร ระบบส่งกำลังได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และการควบคุมการทำงานของระบบฟูลไฮบริด ส่วนเครื่องยนต์ใหม่ก็ได้รับการพัฒนาให้เก็บเสียงและแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น
ระบบฟูลไฮบริด e:HEV มี 3 รูปแบบการขับเคลื่อน ซึ่งระบบจะเลือกให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับ ได้แก่
คอพวงมาลัยมีแป้น +/- (Deceleration Paddle Selectors) ใช้สำหรับควบคุมการหน่วงและเลือกระดับการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน เมื่อมีการชลอความเร็ว แค่เริ่มขับด้วยความเร็วต่ำก็รู้สึกถึงพละกำลังที่เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไปแน่ๆ ช่วงขับในเมืองระบบเข้าโหมด EV Drive มอเตอร์ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ไม่ทำงาน ขับได้นุ่มนวลราบเรียบและคล่องตัว การสลับโหมดระหว่าง EV Drive กับ Hybrid Drive ทำได้อย่างนุ่มนวล ถ้าไม่สังเกตจริงๆ จะแทบไม่รู้สึกว่าเครื่องยนต์ทำงานหรือยัง ส่วนโหมดการขับทั้ง 3 ลองสลับใช้งานแล้วก็รู้สึกถึงความแตกต่างได้ ในส่วนของระบบฟูลไฮบริด Honda Civic e:HEV RS 2023 พอจะสรุปได้ว่า ถ้าขับความเร็วปกติก็ให้ความประหยัด คาดหวังได้เกิน 15-16 กิโลเมตรต่อลิตร และถ้าจับจังหวะการกดคันเร่งได้แล้ว ก็จะเร่งได้อย่างทันใจ ด้วยแรงบิดที่ดีและต่อเนื่อง ขับสนุก และถ้าไม่ขยี้คันเร่งตลอดทาง อัตราสิ้นเปลืองก็ยังอยู่ในเกณฑ์รับได้ รถรุ่นนี้ถังน้ำมันจุแค่ 40 ลิตร น่าจะมั่นใจในความประหยัดของตัวเองอยู่พอสมควร
Honda Civic e:HEV RS 2023 ลองใช้ Sport Mode ขับความเร็วต่ำจะขับให้นุ่มนวลได้ยาก เหมาะกับการขับทางโล่งใช้ความเร็วต่อเนื่องมากกว่า เพราะจะตอบสนองคันเร่งได้ทันใจขึ้น แต่โดยส่วนตัวแล้วใช้แค่โหมด Normal ก็ครอบคลุมการใช้งานแล้ว ขับในเมืองราบเรียบนุ่มนวล ขับทางไกลต้องการอัตราเร่งก็แค่ค่อยๆ เพิ่มแรงกดลงที่แป้นคันเร่ง รู้สึกว่ารถจะตอบสนองดีกว่าการกดคันเร่งสุดแบบพรวดพราดด้วยซ้ำ โดยรวมเป็นรถไฮบริดที่ขับสนุก มีชีวิตชีวา ไม่น่าเบื่อ ช่วงแรกขับค่อนข้างเร็ว ยังได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 14-15 กิโลเมตรต่อลิตร สมน้ำสมเนื้อกับลักษณะการขับ ขากลับสลับผู้ขับ เซต 0 ข้อมูลการขับใหม่ ใช้ความเร็วตามกฎหมาย ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 20 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าจะขับให้ได้เท่าตัวเลขจากโรงงาน ต้องใช้ความเร็วต่ำกว่านี้ คงที่กว่านี้ และใช้ระยะทางมากกว่านี้ ลองขับชิลๆ ได้ไม่นาน ผู้ขับก็อดใจไม่ไหวต้องลองกดคันเร่งดูบ้าง ถ้ารู้จังหวะในการกดคันเร่ง จะแทบไม่ต้องรีดเค้นเครื่องยนต์มาก ใช้ระยะทางและเวลาไม่นาน ก็สามารถทำความเร็วระดับเสียค่าปรับอัตราสูงสุดได้ไม่ยาก การเร่งแซงทำได้เฉียบขาดปลอดภัย
Honda Civic e:HEV RS 2023 ใช้ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังมัลติลิงก์ ปรับค่า K ของสปริงให้มากขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์เพื่อรองรับน้ำหนักตัวรถที่เพิ่มขึ้นประมาณ 100 กิโลกรัม ส่วนช๊อกฯ ยังคงเดิม ให้ล้อและยางขนาดใหญ่ 235/40/18 เมื่อรวมกับการปรับเซตระบบต่างๆ แล้ว มีการดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีแม้ใช้ยางแก้มเตี้ย ขับแล้วไม่รู้สึกกระแทกหรือเหนื่อยล้า มีความนุ่มนวลและหนักแน่น ขับความเร็วสูงตัวรถนิ่งด้วยฐานล้อที่ยาวกับยางแก้มเตี้ยลดการบิดตัว นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากการจัดวางอุปกรณ์ของระบบไฮบริดที่มีส่วนช่วยเสริมสมรรถนะการทรงตัว เช่น จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง 10 มิลลิเมตร จากการจัดวาง IPU ไว้ที่ใต้เบาะหลัง ส่งผลดีต่อสมรรถนะโดยรวมของการทรงตัว รวมทั้งโครงสร้างของรถในส่วน Upper Body ที่มีความแข็งแรง ไม่บิดตัวหรือโคลงง่าย จึงให้แฮนด์ลิ่งที่เฉียบคม คล่องแคล่ว และเบาแรง
ยกระดับความสปอร์ตไปอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) ออกแบบด้วยแนวคิด ‘Make the CIVIC 3F (Fashion, Function and Featured)’ ประกอบด้วย สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก 10,000 บาท, แป้นเหยียบแบบสปอร์ต 1,800 บาท, คิ้วบันได LED 5,100 บาท, ฝาครอบกระจกมองข้าง 1,000 บาท, คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า 1,950 บาท, ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส 1,150 บาท, คิ้วตกแต่งกระจังหน้า 3,900 บาท, คิ้วตกแต่งกันชนหลัง 5,900 บาท และไฟส่องสว่างที่เท้า 2,200 บาท
พวงมาลัยดูอัลพิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า เบาแรงคล่องตัวที่ความเร็วต่ำ แต่รู้สึกว่าเบาไปนิดเมื่อใช้ความเร็วสูง ทำให้ต้องใช้ความตั้งอกตั้งใจในการเข้าโค้งมากขึ้น ถ้าพวงมาลัยหน่วงหนืดขึ้นก็น่าจะขับสนุกและเป็นธรรมชาติมากกว่านี้ ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ พร้อมตัวช่วยครบครัน ทำงานได้รุนแรงหนักหน่วงสมกับพละกำลังในการขับเคลื่อน การกดแป้นเบรกให้ความรู้สึกที่ดี ควบคุมแรงเบรกได้ง่าย จะเบรกเบาเพื่อชะลอหรือเบรกหนักหน่วงเพื่อหยุดกะทันหันก็ทำได้ดังใจ
อีกจุดที่ต้องชมคือ การให้ระบบความปลอดภัยในกลุ่ม Honda SENSING ทั้ง 6 ระบบ เหมือนกันในทุกรุ่นย่อย ประกอบด้วย
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) เตือนผู้ขับให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชนระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) กล้องหน้าจะตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับ
ะบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)ใช้กล้องหน้าตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนที่พวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ทำงานร่วมกับกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า ความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ Honda Civic e:HEV RS 2023 ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับกดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับ
ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า