Search
Close this search box.

วิธีหลักในการดูแลรักษาไส้กรองน้ำมันเครื่อง

วิธีหลักในการดูแลรักษาไส้กรองน้ำมันเครื่อง รถยนต์ถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงและเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของใครหลายคน การดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาว วิธีการดูแลรักษารถยนต์ที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ภายนอก ภายใน ไปจนถึงระบบต่างๆ เพื่อให้รถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพดีเยี่ยมและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ บางคนใช้รถทุกวัน อย่างไรก็ตาม หากคุณใช้รถเป็นเวลานาน คุณอาจละเลยการดูแลรักษารถและอาจพังได้ในขณะใช้งาน บทความนี้จะอธิบายวิธีการดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งาน

การดูแลรักษาเครื่องยนต์

รถยนต์ถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงและเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของใครหลายคน การดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาว ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึก 6 วิธีการดูแลรักษารถยนต์ที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ภายนอก ภายใน ไปจนถึงระบบต่างๆ เพื่อให้รถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพดีเยี่ยมและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

อุปกรณ์สำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์

ไส้กรองน้ำมันเครื่องเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของเครื่องยนต์ ที่หลายคนอาจมองข้ามความสำคัญไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไส้กรองน้ำมันเครื่องมีบทบาทสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์อย่างมาก ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกทุกแง่มุมเกี่ยวกับไส้กรองน้ำมันเครื่อง ตั้งแต่ความหมาย หน้าที่ ประเภท วิธีการทำงาน ไปจนถึงความสำคัญและวิธีการดูแลรักษา

ไส้กรองน้ำมันเครื่อง คืออะไร ?

ไส้กรองน้ำมันเครื่องถือเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของรถของคุณซึ่งจำเป็นต้องได้รับการบำรุงรักษาเป็นประจำ ไส้กรองน้ำมันเครื่องมีบทบาทสำคัญในการทำให้รถของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ของเราจะแนะนำคุณเกี่ยวกับไส้กรองน้ำมันเครื่องและวิธีการบำรุงรักษาที่ละเอียดที่สุด อุปกรณ์ที่ใช้กรองของเสียและสิ่งสกปรกออกจากน้ำมันเครื่อง อีกทั้งยังมีหน้าที่รักษาให้น้ำมันเครื่องอยู่ถูกที่และถูกเวลาอีกด้วย หากน้ำมันเครื่องเปรียบเสมือนหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงรถยนต์ ไส้กรองน้ำมันเครื่องก็คือไตที่ช่วยกรองของเสียนั่นเอง! ดังนั้นหากไม่มีไส้กรองน้ำมันเครื่องหรือชิ้นส่วนนี้ชำรุด รถยนต์ก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างแน่นอน หน้าที่หลักของไส้กรองน้ำมันเครื่องคือการกรองของเสียออก ไส้กรองน้ำมันเครื่องดักจับสิ่งสกปรก ฝุ่น ผง อนุภาคโลหะ และสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์ของคุณ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น ยืดอายุเครื่องยนต์ และปรับปรุงสมรรถนะของเครื่องยนต์

หน้าที่ของ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

ไส้กรองน้ำมันเครื่องมีหน้าที่หลัก 2 ประการ คือ

  • กรองสิ่งสกปรก: ไส้กรองน้ำมันเครื่องทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง เช่น ฝุ่นละออง เศษโลหะจากการสึกหรอของเครื่องยนต์ คราบเขม่า และสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำงานของเครื่องยนต์ หากไม่มีไส้กรองน้ำมันเครื่อง สิ่งสกปรกเหล่านี้จะไหลเวียนไปตามระบบหล่อลื่นของเครื่องยนต์ และทำให้เกิดการสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆ ได้
  • รักษาคุณภาพน้ำมันเครื่อง: การกรองสิ่งสกปรกออกจากน้ำมันเครื่องช่วยรักษาคุณภาพของน้ำมันเครื่องให้อยู่ในสภาพดี ทำให้น้ำมันเครื่องสามารถหล่อลื่น ป้องกันการสึกหรอ และระบายความร้อนของเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

ไส้กรองน้ำมันเครื่องสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ

  1. ส้กรองแบบใช้แล้วทิ้ง (Spin-on Filter): เป็นไส้กรองที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน มีลักษณะเป็นทรงกระบอกและสามารถเปลี่ยนได้ง่าย โดยการหมุนไส้กรองเก่าออกและหมุนไส้กรองใหม่เข้าไปแทนที่
  2. ไส้กรองแบบตลับ (Cartridge Filter): เป็นไส้กรองที่ไม่ค่อยนิยมใช้ในรถยนต์ทั่วไป แต่จะพบในรถยนต์บางรุ่นที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ไส้กรองแบบตลับจะอยู่ในตัวเรือนไส้กรอง และต้องเปลี่ยนเฉพาะส่วนที่เป็นวัสดุกรองเท่านั้น

ส่วนประกอบและการทำงาน

  • แผ่นปิดฝาน้ำมันเครื่อง: น้ำมันเข้าและออกจากไส้กรองน้ำมันเครื่องผ่านแผ่นปิดฝาที่มีรูเล็กๆ ตรงกลาง ผ่านไส้กรองและเข้าสู่เครื่องยนต์ผ่านรูขนาดใหญ่ตรงกลาง
  • ตัวกรอง: ตัวกรองทำจากตาข่ายใยสังเคราะห์และทำหน้าที่เป็นตะแกรงดักจับสิ่งแปลกปลอมและสิ่งสกปรกในน้ำมัน
  • เช็ควาล์ว: เมื่อรถไม่เคลื่อนที่ วาล์วจะปิดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันไหลกลับออกจากเครื่องยนต์
  • วาล์วเดรน: เมื่ออากาศเย็น น้ำมันเครื่องจะหนาขึ้นและผ่านตัวกรองได้ยากขึ้น ดังนั้นวาล์วระบายจึงมีหน้าที่ปล่อยน้ำมันที่ข้นขึ้นเล็กน้อยเพื่อจ่ายกำลังให้กับเครื่องยนต์จนกว่าจะอุ่นเครื่อง
  • แผ่นปิดท้าย: แผ่นปิดทั้งสองด้านที่แต่ละด้านของตัวกรองน้ำมันทำจากโลหะหรือเส้นใยโลหะ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันที่ไม่ได้กรองไหลเข้าสู่เครื่องยนต์ของรถคุณ

ควรเปลี่ยน ไส้กรองน้ำมันเครื่อง เมื่อไหร่?

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกๆ 20,000 กม. หรือเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องหนึ่งครั้งหลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสองครั้ง อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการความมั่นใจ คุณก็สามารถเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้เช่นกัน เนื่องจากหากไส้กรองสกปรกเกินไป ประสิทธิภาพจะลดลงและอาจเกิดการอุดตันได้ ในที่สุดแรงดันอาจทำให้ตัวกรองและสิ่งสกปรกรั่วเข้าไปในเครื่องยนต์ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงได้ และหากคุณไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือกรองน้ำมันเครื่องหรือไม่ คุณอาจสังเกตเห็นสัญญาณเริ่มต้นเหล่านี้

  • ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเร่งความเร็ว
  • มีเสียงโลหะดังมาจากฝากระโปรงรถ
  • แรงดันน้ำมันต่ำ
  • สีของควันที่ผิดปกติ

วิธีการทำงานของ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

ไส้กรองน้ำมันเครื่องทำงานโดยการให้น้ำมันเครื่องไหลผ่านวัสดุกรองที่มีรูพรุนขนาดเล็ก ซึ่งจะดักจับสิ่งสกปรกต่างๆ เอาไว้ ส่วนน้ำมันเครื่องที่สะอาดจะไหลผ่านไส้กรองออกไปหล่อลื่นเครื่องยนต์ต่อไป ขั้นตอนการทำงานของไส้กรองน้ำมันเครื่อง

  • น้ำมันเครื่องที่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกจะถูกสูบเข้าสู่ไส้กรองน้ำมันเครื่อง
  • น้ำมันเครื่องจะไหลผ่านวัสดุกรองที่มีรูพรุนขนาดเล็ก
  • สิ่งสกปรกต่างๆ จะถูกดักจับไว้ที่วัสดุกรอง
  • น้ำมันเครื่องที่สะอาดจะไหลผ่านไส้กรองออกไปหล่อลื่นเครื่องยนต์

วิธีเปลี่ยน ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

ตรวจดูว่าไส้กรองน้ำมันเครื่องอยู่ใต้รถหรือด้านบนของเครื่องยนต์หรือไม่ ตำแหน่งของตัวกรองนี้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นรถ
คลายปลั๊กน้ำมันโดยใช้ประแจหัวกลม เพื่อป้องกันคราบสกปรก ให้หาภาชนะมาวางก่อน ขั้นตอนนี้จะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ปล่อยให้รถเย็นลงก่อนที่จะคลายตัว เนื่องจากอาจโดนน้ำมันเครื่องร้อนได้
ถ่ายน้ำมันเครื่องทั้งหมดแล้วเปลี่ยนปลั๊ก
ใช้ประแจขันตัวกรองเพื่อคลายตัวกรองเก่า จากนั้น เติมไส้กรองใหม่ประมาณ 2/3 ของน้ำมันเครื่องให้เต็ม แล้วเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง คุณสามารถหมุนได้ด้วยมือ แต่ระวังอย่าหมุนแน่นหรือหลวมเกินไป

ราคา ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

การเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายไม่แพง โดยราคาไส้กรองน้ำมันเครื่องของรถยนต์มีราคาอยู่ที่ 140-200 บาท ส่วนราคาไส้กรองน้ำมันเครื่องของรถกระบะจะอยู่ที่ 140-300 บาท แต่ควรเลือกไส้กรองของแท้เพื่อคุณภาพที่ดีเท่านั้น หากเลือกซื้อของที่ไม่มีคุณภาพก็จะทำให้อายุการใช้งานของไส้กรองน้ำมันเครื่องสั้นลงหรืออาจชำรุดเร็วทำให้เกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์ได้ในภายหลัง

ความสำคัญของ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

  • ไส้กรองน้ำมันเครื่องมีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงานของเครื่องยนต์ หากไม่มีไส้กรองน้ำมันเครื่อง หรือไส้กรองน้ำมันเครื่องอุดตัน จะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ดังนี้
  • เครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้น: สิ่งสกปรกที่ปะปนอยู่ในน้ำมันเครื่องจะทำให้เกิดการเสียดสีและสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์ เช่น ลูกสูบ แหวนลูกสูบ และผนังกระบอกสูบ
  • เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ: สิ่งสกปรกที่อุดตันในไส้กรองน้ำมันเครื่องจะทำให้น้ำมันเครื่องไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างสะดวก ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ เช่น เครื่องยนต์ร้อนจัด เครื่องยนต์มีเสียงดังผิดปกติ หรือเครื่องยนต์ดับ
  • สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง: เมื่อเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ จะส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น

วิธีการดูแลรักษา ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

เพื่อให้ไส้กรองน้ำมันเครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติดังนี้

  • เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด: ควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด
    เลือกไส้กรองน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพ: ควรเลือกไส้กรองน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพดี และเหมาะสมกับรุ่นรถยนต์ของคุณ
  • ตรวจสอบสภาพไส้กรองน้ำมันเครื่องเป็นประจำ: หากพบว่าไส้กรองน้ำมันเครื่องมีรอยรั่ว รอยแตก หรือชำรุด ควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่ทันที
  • ไส้กรองน้ำมันเครื่องเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ การดูแลรักษาไส้กรองน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี จะช่วยให้เครื่องยนต์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับไส้กรองน้ำมันเครื่อง ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำ

เคล็ดลับสู่ความสวยงาม คงทนของรถยนต์คู่ใจ

รถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะในการเดินทาง แต่ยังเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของชีวิตและสไตล์ของเรา การดูแลรักษาภายนอกรถยนต์ให้สวยงามและคงทนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจในรถยนต์ของเรา แต่ยังช่วยรักษามูลค่าของรถยนต์ในระยะยาวอีกด้วย ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกทุกแง่มุมของการดูแลรักษาภายนอกรถยนต์ ตั้งแต่การล้างทำความสะอาด การดูแลรักษาสีรถ การดูแลรักษายางรถยนต์ การดูแลรักษาชิ้นส่วนต่างๆ ไปจนถึงเคล็ดลับในการป้องกันความเสียหายจากสภาพแวดล้อมต่างๆ

การล้างทำความสะอาดรถยนต์

การล้างรถยนต์เป็นขั้นตอนพื้นฐานในการดูแลรักษาภายนอกรถยนต์ ช่วยขจัดคราบสกปรก ฝุ่นละออง และสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ที่อาจทำลายสีรถและทำให้รถยนต์ดูหมองคล้ำสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถ การรักษารถคันโปรดให้สะอาดเป็นประกายไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกรถคือสิ่งที่ทำให้จิตใจสงบและภาคภูมิใจเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถที่ชอบล้างรถที่บ้าน ช่วยให้พวกเขามีเวลาและใส่ใจกับสิ่งสกปรกทุกอย่างที่ต้องกำจัดออก การล้างรถอาจดูเหมือนง่าย แต่ต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ และความละเอียดอ่อนอีกเล็กน้อย รักษารถคันโปรดของคุณให้สะอาดเป็นประกายเพื่อให้ดูใหม่อยู่เสมอ วันนี้ nicecareshop จะมาแบ่งปันเทคนิคดีๆ ในการทำความสะอาดรถคันโปรดของคุณอย่างละเอียดด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งบริการของศูนย์ดูแลรถยนต์

เทคนิคเลือกอุปกรณ์ทำความสะอาด

ก่อนที่จะเรียนรู้เทคนิคการทำความสะอาดรถ เจ้าของรถทุกคนควรพิจารณาอุปกรณ์ล้างรถที่สำคัญเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับรถของตนมากที่สุด และสำหรับผู้ที่ไม่เคยล้างรถของตัวเองมาก่อนก็อาจจะสงสัยว่าจะใช้อะไรล้างรถ ฉันควรเลือกอย่างไร? เรามีคำตอบสำหรับคุณ

  • ถังน้ำใหญ่ 2 ถัง เพื่อประหยัดเวลาและพลังงาน ให้หยิบถังขนาดใหญ่สองสามใบพร้อมหูหิ้วพกพาสะดวกก่อนเริ่มล้างรถ แยกน้ำสำหรับล้างฟองน้ำกับน้ำผสมน้ำยาล้างรถ/แชมพู

ฟองน้ำใหม่และผ้าสะอาด

ฟองน้ำใหม่และผ้าสะอาด เวลาล้างรถอย่าใช้ฟองน้ำเก่าที่เปียกโชกไปด้วยสิ่งสกปรก อาจทำให้เกิดคราบบนรถของคุณได้ ดังนั้นคุณจึงต้องใช้ฟองน้ำใหม่ สิ่งสำคัญคือพื้นผิวของฟองน้ำต้องนุ่มและไม่หยาบจนเกินไปเพื่อปกป้องสีรถและป้องกันรอยขีดข่วน นอกจากนี้ เมื่อเลือกผ้าทำความสะอาด ให้เลือกผ้าไมโครไฟเบอร์ใหม่หรือผ้าซามัวเนื้อนุ่ม และคุณควรมีอย่างน้อย 3 ผ้าสำหรับทำความสะอาดรถยนต์ กระจก และล้อ

ทำความสะอาดรถที่ตอบโจทย์

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรถยนต์มีหลายประเภทและหลายสูตร ทั้งแชมพูและโฟม ดังนั้นคุณต้องเลือกอันที่เหมาะกับความต้องการของคุณ หากคุณต้องการผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำความสะอาดฝุ่นได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถเลือกของเหลวที่มีการเคลือบได้ สูตรพิเศษพร้อมสารหล่อลื่นช่วยให้คุณเช็ดฝุ่นออกได้อย่างง่ายดายและลดรอยขีดข่วนระหว่างการทำความสะอาด หรือหากต้องการให้รถเงางามก็สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการเคลือบได้ ซึ่งจะทำให้สีรถของคุณเงางามมากขึ้นกว่าเดิม สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างจาน แชมพู หรือผงซักฟอกในการล้างรถ เนื่องจากสีรถของคุณอาจจะเสื่อมสภาพเร็ว

สายยางล้างรถต้องมีความยาวพอดี

หากสายยางสั้นเกินไป รถของคุณอาจทำความสะอาดได้ไม่ถูกต้อง อาจมีผงซักฟอกหรือสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่ซึ่งไม่สามารถล้างออกด้วยน้ำได้ ดังนั้นควรเลือกสายยางที่ยาวพอที่จะดึงออกมาทำความสะอาดรถได้ทั้งคัน นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการเลือกท่ออ่อนที่โค้งงอได้ง่าย การดึงสายยางอาจทำให้ท่อโค้งงอและป้องกันไม่ให้น้ำไหล

แปรงขัดล้อเข้าถึงทุกซอกมุม

การล้างยางด้วยน้ำหรือฉีดน้ำอาจไม่เพียงพอที่จะทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เครื่องมือสำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องมีติดบ้านเพื่อเช็ดยางและล้อแม็กให้สะอาดและดูเหมือนใหม่ก็คือแปรงปัดยาง การใช้เครื่องมือนี้เพื่อขจัดคราบต่างๆ ออกจากยางเป็นสิ่งสำคัญมากด้วยการแปรง เช็ด หรือขัดถู

วิธีการล้างรถยนต์ที่ถูกต้อง

  • เตรียมอุปกรณ์: เตรียมอุปกรณ์ล้างรถให้พร้อม เช่น ถังน้ำ ฟองน้ำ ผ้าไมโครไฟเบอร์ น้ำยาล้างรถ แชมพูล้างรถ และสายยาง
  • ล้างด้วยน้ำเปล่าก่อน: ฉีดน้ำเปล่าทั่วทั้งคันรถ เพื่อขจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกเบื้องต้น
  • ผสมน้ำยาล้างรถ: ผสมน้ำยาล้างรถกับน้ำเปล่าในถังน้ำตามอัตราส่วนที่กำหนด
  • ล้างด้วยฟองน้ำ: ชุบฟองน้ำในน้ำยาล้างรถ แล้วล้างรถยนต์จากบนลงล่าง โดยเริ่มจากหลังคา ฝากระโปรงหน้า กระจกหน้าต่าง ประตูรถยนต์ และกันชน
  • ล้างล้อและซุ้มล้อ: ใช้ฟองน้ำหรือแปรงล้างล้อทำความสะอาดล้อและซุ้มล้อ
  • ล้างด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง: ฉีดน้ำเปล่าทั่วทั้งคันรถ เพื่อล้างน้ำยาล้างรถออกให้หมด
  • เช็ดให้แห้ง: ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดรถยนต์ให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันคราบน้ำa

ข้อควรระวังในการล้างรถยนต์

  • ไม่ควรล้างรถกลางแดด: การล้างรถกลางแดดจะทำให้น้ำยาล้างรถแห้งเร็วเกินไป และอาจทำให้เกิดคราบน้ำได้
  • ไม่ควรใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจาน: ผงซักฟอกและน้ำยาล้างจานมีฤทธิ์กัดกร่อน อาจทำให้สีรถเสียหายได้
  • ไม่ควรใช้ฟองน้ำสกปรก: ฟองน้ำสกปรกอาจมีเศษทรายหรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่อาจทำให้สีรถเป็นรอยได้

สีรถเป็นส่วนที่บอบบางและง่ายต่อการเสียหาย การดูแลรักษาสีรถอย่างถูกวิธีจะช่วยให้สีรถสวยงามและคงทนยาวนาน

2.1 การเคลือบสีรถ การเคลือบสีรถเป็นการเคลือบผิวสีรถด้วยสารเคลือบเงา เพื่อป้องกันสีรถจากรังสียูวี ฝุ่นละออง มูลนก และสิ่งสกปรกอื่นๆ การเคลือบสีรถควรทำทุกๆ 6 เดือน หรือตามความจำเป็น

2.2 การขัดสีรถ การขัดสีรถเป็นการขจัดคราบสกปรก รอยขีดข่วน และรอยขนแมวออกจากผิวสีรถ การขัดสีรถควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ และไม่ควรทำบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ชั้นสีบางลงได้

2.3 ข้อควรระวังในการดูแลรักษาสีรถ

  • ไม่ควรจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน: รังสียูวีจากแสงแดดจะทำให้สีรถซีดจางและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • ไม่ควรจอดรถใต้ต้นไม้: มูลนกและยางไม้จากต้นไม้อาจทำให้สีรถเสียหายได้
  • ไม่ควรใช้ผ้าแห้งเช็ดรถ: การใช้ผ้าแห้งเช็ดรถอาจทำให้เกิดรอยขนแมวบนผิวสีรถได้

ยางรถยนต์เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้รถยนต์ยึดเกาะถนนและขับเคลื่อนไปได้อย่างปลอดภัย การดูแลรักษายางรถยนต์อย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

  • การตรวจสอบลมยาง ควรตรวจสอบลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือทุกครั้งก่อนออกเดินทางไกล ควรเติมลมยางให้ได้ระดับที่เหมาะสมตามคู่มือรถยนต์
  • การสลับยาง ควรสลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด การสลับยางจะช่วยให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอ และยืดอายุการใช้งานของยาง
  •  การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ควรตั้งศูนย์ถ่วงล้อทุกๆ 20,000 กิโลเมตร หรือเมื่อรู้สึกว่ารถยนต์มีอาการสั่นขณะขับขี่ การตั้งศูนย์ถ่วงล้อจะช่วยให้รถยนต์ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลและปลอดภัย
  • ข้อควรระวังในการดูแลรักษายางรถยนต์
  • ไม่ควรขับรถด้วยลมยางอ่อน: ลมยางอ่อนจะทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น และอาจทำให้ยางระเบิดได้
  • ไม่ควรขับรถด้วยลมยางแข็ง: ลมยางแข็งจะทำให้รถยนต์กระด้าง และอาจทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น