Search
Close this search box.
Categories
บทความน่ารู้

เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรก

เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรก

ขับรถทางไกลครั้งแรก สำหรับคนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญในการขับขี่ หรือเส้นทาง อาจจะทำให้คุณมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น เมื่อต้องขับรถไปยังสถานที่ต่างๆที่คุณไม่คุ้นเคย   เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรกหรือขับรถไปต่างจังหวัดครั้งแรก ผู้ขับรถจะต้องมีความพร้อมก่อนที่จะเดินทาง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่ม-ง่วงไม่ขับรถ ไม่ทานยาที่มีฤทธิ์กดประสาท หาคนที่มีประสบการณ์ทางด้านการขับรถเป็นเพื่อนร่วมทางเพื่อที่จะผลัดเปลี่ยนกันขับรถได้  เตรียมรถให้พร้อม อาทิ ช่วงล่าง ยางและล้อ เบรก น้ำหล่อเย็น น้ำมันเบรก น้ำมันเครื่อง ระบบไฟส่องสว่าง ใบปัดน้ำฝน และ สัญญาณไฟ  ควรที่จะศึกษาเส้นทางและตรวจสอบเส้นทาง สภาพอากาศ กำหนดจุดแวะจอดพักรถระหว่างการเดินทางเพื่อพักทั้งคนและรถ และควรที่จะศึกษาเส้นนทางสำรองเอาไว้เผื่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน   อย่าลืมพกอุปกรณ์ที่จำเป็นติดรถไปด้วย เช่น ไฟฉาย แม่แรง ประแจ ยางอะไหล่ ที่สูบลม เป็นต้น  

คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่อการเดินทาง

ขับรถทางไกลครั้งแรก อาจเป็นประสบการณ์ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยว พบปะครอบครัว หรือทำธุระ การเตรียมตัวอย่างดีและมีความรู้ความเข้าใจในการขับขี่ทางไกล จะช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่น ปลอดภัย และสนุกสนานยิ่งขึ้น บทความนี้จะนำเสนอคู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นการขับรถทางไกลเป็นครั้งแรก ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง การวางแผนเส้นทาง เทคนิคการขับขี่ การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ไปจนถึงการดูแลรักษารถยนต์หลังการเดินทาง

เตรียมตัวให้พร้อม สู่ประสบการณ์ที่น่าจดจำ

การเดินทาง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เติมเต็มประสบการณ์ และสร้างความทรงจำอันล้ำค่าให้กับเรา แต่การเดินทางที่ราบรื่นและน่าประทับใจ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หากแต่ต้องอาศัยการเตรียมตัว วางแผน และการจัดการที่ดี คู่มือฉบับนี้จะนำเสนอแนวทางและเคล็ดลับต่างๆ เพื่อให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และเต็มไปด้วยความสุข ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การเตรียมตัว การเดินทาง เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรกไปจนถึงการดูแลตัวเองระหว่างการเดินทาง

ระหว่างการเดินทาง

  • ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง: รักษาความเร็ว ปฏิบัติตามกฎจราจร 
  • หยุดพักเป็นระยะ: ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง 
  • ไม่ขับรถเมื่อรู้สึกง่วง: จอดพักในจุดปลอดภัย 
  • ระวังสัตว์บนท้องถนน: ชะลอความเร็วเมื่อเข้าเขตชุมชนสัตว์       
  • ใช้ความเร็วที่เหมาะสม: ปรับความเร็วให้เหมาะกับสภาพอากาศและสภาพถนน   
  • ไม่แซงในจุดอันตราย: รักษาเลน   
  • คาดเข็มขัดนิรภัย: ผู้โดยสารทุกคนควรคาดเข็มขัดนิรภัย   
  • มารยาทบนท้องถนน: เปิดไฟเลี้ยว

ลักษณะและท่าทาง การขับรถทางไกลที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลเสียกับสุขภาพอย่างไร?

เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรก เป็นการขับรถที่ใช้เวลานานจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งมักจะมีผลกระทบกับปัญหาสุขภาพร่างกายของผู้ขับขี่หากไม่รู้จักวิธี ขับรถทางไกล ที่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้  มาทำความเข้าใจกับท่าทางและการพักผ่อนระหว่างการขับรถทางไกล ให้มีผลกระทบต่อสุขภาพน้อยที่สุด มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

  • กล้ามเนื้อคออักเสบ  การขับรถทางไกลต้องใช้กล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่และต้นคอ สำหรับการบังคับควบคุมพวงมาลัย การขับรถทางไกลที่ยาวนานมากเกินไป ไม่มีการหยุดพัก จะทำให้เกิดอาการเเข็งเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น อาการกล้ามเนื้อคออักเสบจะเริ่มจากจุดเล็กๆมาในรูปแบบของอาการปวดเมื่อยต่างๆ ถ้าไม่ปรับปรุงท่าทางการขับรถให้ดี อาการปวดเกร็งจะกลายเป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อ เพิ่มอาการปวดตึงเข้าไปอีก อาจส่งผลตามมาต่อระบบร่างกายอื่นๆ เช่น หลัง หรือ แขน เป็นต้น 
  • พังผืดทับเส้นประสาทข้อมือ  อีกหนึ่งปัญหาที่เกิดจากการขับรถทางไกล คืออาการปวดข้อมือที่มีอาการเจ็บแปลบขึ้นมา คือสัญญาณเตินของปัญหาที่เส้นประสาททับข้อมือ อาการนี้เกิดจากการขับรถทางไกลจับพวงมาลัยเป็นเวลานาน ใช้งานอย่างหนักโดยไม่หยุดพักระหว่างทางขับรถ เมื่อเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นมา ร่างกายจะสร้างพังผืดขึ้นมาเกาะยึดบริเวณนั้นๆ ส่งผลให้เกิดภาวะเส้นประสาทกดทับบริเวณข้อมือได้
  • หมอนรองกระดูกอักเสบ  เป็นปัญหาต่อเนื่องเกี่ยวโยงมาจากการนั่ง ขับรถทางไกลนานๆ โดยไม่มีการพักผ่อนที่ดี  อาการของหมอนรองกระดูกอักเสพที่มาจากน้ำหนักกดทับของแต่ละบุคคลที่ทำต่อกระดูกสันหลังของตนเองในการขับรถ การนั่งอยู่ในท่าเดิมนานๆ หมายถึงน้ำหนักกดทับที่ลงไปอัดอยู่ในจุดเดิมตลอดเวลา สร้างความเหนื่อยล้าต่อข้อต่อต่างๆ จนสามารถกลายเป็นปัญหาเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกได้
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสพ  การขับรถทางไกลนานๆ ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะได้ด้วย ซึ่งอาจจะกลายเป็นปัญหาที่รุนแรงได้ การขับรถทางไกลนานๆ แต่ระครั้งอาจจะด้วยความเร่งรีบ หรือหาจุดแวะพักรถที่มีห้องน้ำไม่ได้ หรืออยู่ในที่มีการจราจรติดขัดบ่อยๆ ทำให้ต้องอั้นปัสสาวะ ผลที่ตามมาคือการเจ็บป่วยในรูปแบบปัสสาวะอักเสบ
  • หลอดเลือดดำอุดตัน   ปัญหาสุขภาพที่มาพร้อมกับการขับรถทางไกล เป็นประจำโดยไม่ได้ดูแลรักษาสุขภาพดีเท่าที่ควร ปัญหาหลอดเลือดดำอุดตัน ที่มักจะเกิดขึ้นบริเวณต้นขา หรือ บริเวณข้อพับ เนื่องจากการนั่งขับรถจะเป็นการนั่งท่าเดียวนานๆ หลอดเลือดดำจึงเกิดภาวะการตกตะกอน กลายเป็นลิ่มเลือดขวางทางเดินของเส้นเลือด

เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรกครั้งแรกอย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน

  • เติมลมยางให้พอดี  หากเติมลมยางรถยนต์ไม่พอดี  อาจจะมีผลกระทบต่อการขับรถทางไกลได้ ยางแข็งก็อาจจะทำให้การทรงตัวหรือการบังคับทิศทางเป็นไปได้ยาก  ถ้าลมยางรถยนต์อ่อนก็จะเป็นการเพิ่มภาระในการรับน้ำหนักให้มากขึ้น ไม่ว่าลมรถยนต์จะเป็นลมในลักษณะใดก็ตาม ก็จะทำให้รถยนต์ให้พลังงานมากกว่าปกติ เป็นสาเหตุที่ทำให้รถยนต์กินน้ำมัน เพราะฉะนั้นก่อนออกเดินทางควรเช็คและเติมลมยางรถยนต์ให้เหมาะสม
  • ไม่ใช้ความเร็วมากเกินไป ขับรถทางไกล หรือไปต่างจังหวัดในลักษณะเส้นทางที่ตรงไปเรื่อยๆ  อาจจะทำให้คุณเพลิดเพลินต่อการขับขี่ จนขับด้วยความเร็วแบบไม่รุ้ตัว ยิ่งถ้าคุณขับเร็วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้รถคุณกินน้ำมันมากเท่านั้น หากคุณต้องการประหยัดน้ำมันในการเดินทางแนะนำให้ขับประมาณ 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือขับไปเรื่อยๆด้วยความเร็วที่คงที่ จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า
  • เหยียบเบรค เวลาที่ไม่จำเป็น  การที่เหยียบเบรคบ่อยๆที่ไม่มีเหตุจำเป็นอะไร อย่างเช่น เห็นคันหน้าเบรคก็เบรคตาม การที่ขับรถในลักษณะนี้เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมากๆ เพราะทุกครั้งที่เหยียบเบรค ความเร็วของรถจะลดลง เมื่อคุณเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็ว  จะทำให้รถยนต์ใช้พลังงานมากขึ้น ไม่แปลกใจเลยว่าการที่เหยียบเบรคบ่อยๆจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเช่นกัน
  • ไม่บรรทุกของหนักเกินจำเป็น การเดินทางที่ออกต่างจังหวัด ไปท่องเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว จะทำให้มีการขนสัมภาระไปมากมาย ร่วมถึงจำนวนผู้ร่วมทาง ก็จะทำให้รถยนต์แบกรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รถยนต์ใช้พลังงานในการขับเคลื่อนมากกว่าปกติ จะทำให้รถยนต์กินน้ำมันได้เช่นเดียวกันแนะนำให้บรรทุกแต่พอดี ไม่มากเกินไป
  •  การตรวจเช็คสภาพรถยนต์  การตรวจเช็คความพร้อม เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าหากมีส่วนไหนที่สึกหรอ ก็จะซ่อมแซมได้ในทันที เช่น เสียงเครื่องยนต์ดังผิดปกติ เครื่องหลวม เกียร์มีเสียงดัง หรือส่วนอื่นๆ ทั้งหมดมีผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์แทบทั้งสิ้น หากไม่ตรวจเช็คสภาพให้ดี อาจจะทำให้รถยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เปลืองน้ำมันได้อีกด้วย

เริ่มต้นที่ราบรื่นสู่การเดินทางที่น่าจดจำ

การเดินทางไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ล้วนแต่เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและสร้างความทรงจำอันล้ำค่า แต่เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และสนุกสนาน การเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างรอบคอบถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้จะนำเสนอคู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับการเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง ขับรถทางไกลครั้งแรก ครอบคลุมทุกด้านที่คุณจำเป็นต้องรู้ ตั้งแต่การวางแผน การเตรียมเอกสาร การจัดกระเป๋า การดูแลสุขภาพ ไปจนถึงเคล็ดลับอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์

การวางแผนการเดินทาง

เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรกกำหนดจุดหมายปลายทางและระยะเวลา  :

  • เลือกสถานที่: เลือกสถานที่ที่คุณสนใจและตรงกับความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวพักผ่อน การเดินทางเพื่อธุรกิจ หรือการเยี่ยมญาติ
  • กำหนดระยะเวลา: กำหนดระยะเวลาของการเดินทางให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่คุณวางแผนไว้ และงบประมาณที่มี

ศึกษาข้อมูล

  • สภาพอากาศ: ตรวจสอบสภาพอากาศของจุดหมายปลายทางในช่วงเวลาที่คุณจะเดินทาง เพื่อเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่เหมาะสม
  • วัฒนธรรมและประเพณี: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีของสถานที่นั้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่ไม่เหมาะสม และเพื่อให้คุณสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างราบรื่น
  • สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรม: วางแผนสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่คุณสนใจ เพื่อให้คุณสามารถจัดสรรเวลาและงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ข้อมูลการเดินทาง: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง เช่น เส้นทาง ค่าใช้จ่าย และเวลาเดินทาง เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีการเดินทางที่เหมาะสมที่สุด

จัดทำงบประมาณ

  • ค่าใช้จ่ายหลัก: คำนวณค่าใช้จ่ายหลักๆ เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ: เผื่อเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าซักรีด ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต และค่าของฝาก
  • เงินสำรอง: เตรียมเงินสำรองไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน เช่น การเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือการสูญหายของทรัพย์สิน

จองตั๋วเครื่องบิน/รถไฟ/รถบัสและที่พัก

  • จองล่วงหน้า: จองตั๋วเครื่องบิน รถไฟ หรือรถบัสล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุดและหลีกเลี่ยงปัญหาที่นั่งเต็ม
  • เลือกที่พักที่เหมาะสม: เลือกที่พักที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ พิจารณาจากทำเล ความสะอาด ความปลอดภัย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

ทำประกันการเดินทาง

  • ความคุ้มครอง: เลือกประกันการเดินทางที่ครอบคลุมความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง เช่น การเจ็บป่วย อุบัติเหตุ การสูญหายของสัมภาระ หรือการยกเลิกเที่ยวบิน
  • เปรียบเทียบ: เปรียบเทียบเงื่อนไขและราคาของประกันภัยจากหลายๆ บริษัท เพื่อให้ได้ประกันภัยที่คุ้มค่าที่สุด

ตรวจสอบสภาพรถยนต์

  • เครื่องยนต์: ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็น และของเหลวอื่นๆ ให้แน่ใจว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • ระบบเบรก: ตรวจสอบผ้าเบรก จานเบรก และระบบเบรกโดยรวม ให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ยางรถยนต์: ตรวจสอบลมยาง ดอกยาง และสภาพทั่วไปของยาง หากยางสึกหรอ ควรเปลี่ยนยางใหม่ก่อนออกเดินทาง
  • ระบบไฟส่องสว่าง: ตรวจสอบไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟเบรก และไฟฉุกเฉิน ให้แน่ใจว่าใช้งานได้ปกติ
  • ระบบปรับอากาศ: ตรวจสอบระบบปรับอากาศและระบบระบายความร้อน ให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง
  • ใบปัดน้ำฝน: ตรวจสอบสภาพใบปัดน้ำฝนและน้ำยาฉีดกระจก หากใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่

เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ขาดฝัน

ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ อุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันอื่นๆ เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรก การมีอุปกรณ์เอาตัวรอดฉุกเฉินเป็นของตัวเอง จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย บทความนี้จะนำเสนอคู่มือฉบับสมบูรณ์ในการสร้างชุดอุปกรณ์เอาตัวรอดฉุกเฉินส่วนบุคคล ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกอุปกรณ์ที่จำเป็น ขับรถทางไกลครั้งแรก การจัดเก็บ ไปจนถึงการบำรุงรักษา เพื่อให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในที่สาธารณะ ส่งผลให้การใช้รถยนต์ลดลง อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องรักษารถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา เจ้าของรถควรตรวจสอบสภาพรถเป็นประจำและมีอุปกรณ์ที่จำเป็นติดตัวรถอยู่เสมอ ในกรณีฉุกเฉิน หรือเมื่อจำเป็นต้องไปซื้อของอุปโภคบริโภคที่นั่น

ความสำคัญของอุปกรณ์เอาตัวรอดฉุกเฉิน

อุปกรณ์เอาตัวรอดฉุกเฉิน หรือที่เรียกว่า “ชุดยังชีพ” หรือ “Emergency Kit” เป็นชุดอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณสามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่คุณไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้ทันที เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรก ชุดอุปกรณ์นี้ควรประกอบด้วยสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น น้ำ อาหาร ที่พักพิง และอุปกรณ์ปฐมพยาบาล

เหตุผลสำคัญที่คุณควรมีอุปกรณ์ฉุกเฉิน

  • ความปลอดภัย: อุปกรณ์เอาตัวรอดฉุกเฉินจะช่วยให้คุณปลอดภัยในสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม ไฟไหม้ หรืออุบัติเหตุ
  • ความอยู่รอด: อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถอยู่รอดได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้ทันที
  • ความอุ่นใจ: การมีอุปกรณ์เอาตัวรอดฉุกเฉินจะช่วยให้คุณรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจมากขึ้นในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด



วางแผนเส้นทางและจุดพักรถ

การวางแผนเส้นทางและจุดพักรถเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางระยะใกล้หรือไกล การวางแผนที่ดีจะช่วยให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน บทความนี้จะนำเสนอคู่มือฉบับสมบูรณ์ในการวางแผนเส้นทางและจุดพักรถ เพื่อให้คุณสามารถเดินทางได้อย่างมั่นใจและเพลิดเพลินกับทุกเส้นทาง

การวางแผนเส้นทางและจุดพักรถ

การวางแผนเส้นทางและจุดพักรถมีประโยชน์หลายประการ ดังนี้:

  1. ประหยัดเวลา: การวางแผนเส้นทางล่วงหน้าจะช่วยให้คุณทราบระยะทางและเวลาเดินทางโดยประมาณ ทำให้คุณสามารถจัดสรรเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลีกเลี่ยงการหลงทางหรือเสียเวลาไปกับเส้นทางที่ไม่จำเป็น
  2. ประหยัดค่าใช้จ่าย: การวางแผนเส้นทางจะช่วยให้คุณสามารถเลือกเส้นทางที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และวางแผนการเติมน้ำมันได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การวางแผนจุดพักรถยังช่วยให้คุณสามารถเลือกสถานที่พักผ่อนและรับประทานอาหารที่มีราคาเหมาะสม
  3. เพิ่มความปลอดภัย: การวางแผนเส้นทางจะช่วยให้คุณทราบสภาพเส้นทางล่วงหน้า ทำให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางที่อันตรายหรือมีการจราจรหนาแน่น นอกจากนี้ การวางแผนจุดพักรถยังช่วยให้คุณได้พักผ่อนและลดความเหนื่อยล้า ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุทางถนน
  4. เพิ่มความสะดวกสบาย: การวางแผนเส้นทางและจุดพักรถจะช่วยให้คุณสามารถเลือกสถานที่พักผ่อนและรับประทานอาหารที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทำให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น
  5. ลดความเครียด: การวางแผนที่ดีจะช่วยลดความเครียดและความกังวลระหว่างการเดินทาง ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางได้อย่างเต็มที่

 

  1. กำหนดจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทาง:

    • ระบุจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทางของคุณให้ชัดเจน
    • พิจารณาวันและเวลาที่คุณจะออกเดินทางและถึงจุดหมาย
  2. เลือกเส้นทาง:

    • ใช้แผนที่หรือแอปพลิเคชันนำทางเพื่อค้นหาเส้นทางที่เป็นไปได้
    • พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ระยะทาง เวลาเดินทาง สภาพการจราจร ค่าผ่านทาง และความปลอดภัย
    • เลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับความต้องการและข้อจำกัดของคุณ
  3. วางแผนจุดพักรถ:

    • พิจารณาความถี่ในการพักรถ โดยทั่วไปควรพักทุก 2-3 ชั่วโมง หรือเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า
    • เลือกจุดพักรถที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ห้องน้ำ ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ
    • ตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดของจุดพักรถ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะสามารถใช้บริการได้
  4. ตรวจสอบสภาพอากาศ:

    • ตรวจสอบพยากรณ์อากาศของเส้นทางที่คุณจะเดินทางล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัวรับมือกับสภาพอากาศที่อาจเปลี่ยนแปลง
    • หากมีพายุหรือสภาพอากาศเลวร้าย ควรพิจารณาเลื่อนการเดินทางหรือเปลี่ยนเส้นทาง
  5. แจ้งแผนการเดินทางให้ผู้อื่นทราบ:

    • แจ้งแผนการเดินทางของคุณให้เพื่อนหรือญาติทราบ เพื่อให้พวกเขาสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของคุณและให้ความช่วยเหลือหากจำเป็น

 

ประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและท้าทาย

การขับรถทางไกลครั้งแรก นับเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและท้าทายสำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ทุกคน เส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ระยะทางที่ยาวไกล และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้เกิดความกังวลและความตื่นเต้นปนกัน แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้ พัฒนาทักษะ และสร้างความทรงจำอันล้ำค่า บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจประสบการณ์การขับรถทางไกลครั้งแรก ผ่านเรื่องเล่าจากผู้ขับขี่มือใหม่ ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความประทับใจ และบทเรียนที่ได้รับ

เดินทางไกลครั้งแรกอาจเกิดความวิตกกังวลได้

ก่อนออกเดินทาง เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรก ผู้ขับขี่มือใหม่มักจะรู้สึกตื่นเต้นและกังวลปนกันไป ความตื่นเต้นเกิดจากการได้ออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไป ได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่รัก ในขณะเดียวกัน ความกังวลก็เกิดขึ้นจากความไม่คุ้นเคยกับเส้นทาง ระยะทางที่ยาวไกล และความกลัวที่จะเกิดอุบัติเหตุ “ตอนที่รู้ว่าจะได้ขับรถทางไกลครั้งแรก ใจผมเต้นแรงมากครับ ทั้งตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ และก็กังวลว่าจะขับไหวไหม เพราะปกติขับแค่ในเมือง” คุณธนากร ผู้ขับขี่มือใหม่ เล่าถึงความรู้สึกก่อนออกเดินทาง

เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรก เพื่อลดความกังวลและเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ ผู้ขับขี่มือใหม่ส่วนใหญ่มักจะเตรียมตัวอย่างรอบคอบก่อนออกเดินทาง โดยเริ่มจากการตรวจสอบสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งาน เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ยางอะไหล่ แม่แรง สายพ่วงแบตเตอรี่ และชุดปฐมพยาบาล นอกจากนี้ ยังศึกษาเส้นทางล่วงหน้า วางแผนจุดพักรถ และเตรียมอาหารและเครื่องดื่มให้เพียงพอ “ผมใช้เวลาหลายวันในการศึกษาเส้นทาง ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว และวางแผนจุดพักรถ ผมยังเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้ในรถ เผื่อหิวหรือกระหายน้ำระหว่างทาง” คุณธนากร เล่าถึงการเตรียมตัวของเขา

ความประทับใจระหว่างการเดินทาง

เมื่อเริ่มออกเดินทาง เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรก ผู้ขับขี่มือใหม่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ความรู้สึกอิสระ และความสนุกสนานในการขับรถไปกับเพื่อนๆ หรือครอบครัว ล้วนเป็นความประทับใจที่ไม่อาจลืม “ผมประทับใจกับวิวทิวทัศน์สองข้างทางมากครับ โดยเฉพาะตอนที่ขับผ่านภูเขาและทุ่งนา มันสวยงามมากจริงๆ” คุณธนากร เล่าถึงความประทับใจของเขา การขับรถทางไกลครั้งแรก ไม่ได้มีแต่ความสนุกสนานและความประทับใจเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการขับขี่ของคุณ ผู้ขับขี่มือใหม่หลายคนได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญต่างๆ จากประสบการณ์ครั้งนี้ “ผมได้เรียนรู้ว่าการขับรถทางไกลต้องใช้ความอดทนและสมาธิมากกว่าการขับรถในเมือง ผมต้องคอยระวังรถคันอื่นๆ และสภาพถนนที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา”

ประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ท้าทาย และเต็มไปด้วยความประทับใจ

ขับรถทางไกลครั้งแรก เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ท้าทาย และเต็มไปด้วยความประทับใจ แม้จะมีความกังวลและความไม่มั่นใจในช่วงแรก แต่ด้วยการเตรียมตัวที่ดี การเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ที่เหมาะสม เรียนรู้การขับรถทางไกลครั้งแรก และการมีสติตลอดการเดินทาง คุณจะสามารถเอาชนะความท้าทายนี้ และกลายเป็นผู้ขับขี่ทางไกลที่ชำนาญและปลอดภัยได้

Categories
บทความน่ารู้

วิธีหลักในการดูแลรักษาไส้กรองน้ำมันเครื่อง

วิธีหลักในการดูแลรักษาไส้กรองน้ำมันเครื่อง

วิธีหลักในการดูแลรักษาไส้กรองน้ำมันเครื่อง รถยนต์ถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงและเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของใครหลายคน การดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาว วิธีการดูแลรักษารถยนต์ที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ภายนอก ภายใน ไปจนถึงระบบต่างๆ เพื่อให้รถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพดีเยี่ยมและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ บางคนใช้รถทุกวัน อย่างไรก็ตาม หากคุณใช้รถเป็นเวลานาน คุณอาจละเลยการดูแลรักษารถและอาจพังได้ในขณะใช้งาน บทความนี้จะอธิบายวิธีการดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งาน

การดูแลรักษาเครื่องยนต์

รถยนต์ถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงและเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของใครหลายคน การดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาว ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึก 6 วิธีการดูแลรักษารถยนต์ที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ภายนอก ภายใน ไปจนถึงระบบต่างๆ เพื่อให้รถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพดีเยี่ยมและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

อุปกรณ์สำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์

ไส้กรองน้ำมันเครื่องเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของเครื่องยนต์ ที่หลายคนอาจมองข้ามความสำคัญไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไส้กรองน้ำมันเครื่องมีบทบาทสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์อย่างมาก ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกทุกแง่มุมเกี่ยวกับไส้กรองน้ำมันเครื่อง ตั้งแต่ความหมาย หน้าที่ ประเภท วิธีการทำงาน ไปจนถึงความสำคัญและวิธีการดูแลรักษา

ไส้กรองน้ำมันเครื่อง คืออะไร ?

ไส้กรองน้ำมันเครื่องถือเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของรถของคุณซึ่งจำเป็นต้องได้รับการบำรุงรักษาเป็นประจำ ไส้กรองน้ำมันเครื่องมีบทบาทสำคัญในการทำให้รถของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ของเราจะแนะนำคุณเกี่ยวกับไส้กรองน้ำมันเครื่องและวิธีการบำรุงรักษาที่ละเอียดที่สุด อุปกรณ์ที่ใช้กรองของเสียและสิ่งสกปรกออกจากน้ำมันเครื่อง อีกทั้งยังมีหน้าที่รักษาให้น้ำมันเครื่องอยู่ถูกที่และถูกเวลาอีกด้วย หากน้ำมันเครื่องเปรียบเสมือนหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงรถยนต์ ไส้กรองน้ำมันเครื่องก็คือไตที่ช่วยกรองของเสียนั่นเอง! ดังนั้นหากไม่มีไส้กรองน้ำมันเครื่องหรือชิ้นส่วนนี้ชำรุด รถยนต์ก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างแน่นอน หน้าที่หลักของไส้กรองน้ำมันเครื่องคือการกรองของเสียออก ไส้กรองน้ำมันเครื่องดักจับสิ่งสกปรก ฝุ่น ผง อนุภาคโลหะ และสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์ของคุณ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น ยืดอายุเครื่องยนต์ และปรับปรุงสมรรถนะของเครื่องยนต์

หน้าที่ของ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

ไส้กรองน้ำมันเครื่องมีหน้าที่หลัก 2 ประการ คือ

  • กรองสิ่งสกปรก: ไส้กรองน้ำมันเครื่องทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง เช่น ฝุ่นละออง เศษโลหะจากการสึกหรอของเครื่องยนต์ คราบเขม่า และสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำงานของเครื่องยนต์ หากไม่มีไส้กรองน้ำมันเครื่อง สิ่งสกปรกเหล่านี้จะไหลเวียนไปตามระบบหล่อลื่นของเครื่องยนต์ และทำให้เกิดการสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆ ได้
  • รักษาคุณภาพน้ำมันเครื่อง: การกรองสิ่งสกปรกออกจากน้ำมันเครื่องช่วยรักษาคุณภาพของน้ำมันเครื่องให้อยู่ในสภาพดี ทำให้น้ำมันเครื่องสามารถหล่อลื่น ป้องกันการสึกหรอ และระบายความร้อนของเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

ไส้กรองน้ำมันเครื่องสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ

  1. ส้กรองแบบใช้แล้วทิ้ง (Spin-on Filter): เป็นไส้กรองที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน มีลักษณะเป็นทรงกระบอกและสามารถเปลี่ยนได้ง่าย โดยการหมุนไส้กรองเก่าออกและหมุนไส้กรองใหม่เข้าไปแทนที่
  2. ไส้กรองแบบตลับ (Cartridge Filter): เป็นไส้กรองที่ไม่ค่อยนิยมใช้ในรถยนต์ทั่วไป แต่จะพบในรถยนต์บางรุ่นที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ไส้กรองแบบตลับจะอยู่ในตัวเรือนไส้กรอง และต้องเปลี่ยนเฉพาะส่วนที่เป็นวัสดุกรองเท่านั้น

ส่วนประกอบและการทำงาน

  • แผ่นปิดฝาน้ำมันเครื่อง: น้ำมันเข้าและออกจากไส้กรองน้ำมันเครื่องผ่านแผ่นปิดฝาที่มีรูเล็กๆ ตรงกลาง ผ่านไส้กรองและเข้าสู่เครื่องยนต์ผ่านรูขนาดใหญ่ตรงกลาง
  • ตัวกรอง: ตัวกรองทำจากตาข่ายใยสังเคราะห์และทำหน้าที่เป็นตะแกรงดักจับสิ่งแปลกปลอมและสิ่งสกปรกในน้ำมัน
  • เช็ควาล์ว: เมื่อรถไม่เคลื่อนที่ วาล์วจะปิดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันไหลกลับออกจากเครื่องยนต์
  • วาล์วเดรน: เมื่ออากาศเย็น น้ำมันเครื่องจะหนาขึ้นและผ่านตัวกรองได้ยากขึ้น ดังนั้นวาล์วระบายจึงมีหน้าที่ปล่อยน้ำมันที่ข้นขึ้นเล็กน้อยเพื่อจ่ายกำลังให้กับเครื่องยนต์จนกว่าจะอุ่นเครื่อง
  • แผ่นปิดท้าย: แผ่นปิดทั้งสองด้านที่แต่ละด้านของตัวกรองน้ำมันทำจากโลหะหรือเส้นใยโลหะ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันที่ไม่ได้กรองไหลเข้าสู่เครื่องยนต์ของรถคุณ

ควรเปลี่ยน ไส้กรองน้ำมันเครื่อง เมื่อไหร่?

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกๆ 20,000 กม. หรือเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องหนึ่งครั้งหลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสองครั้ง อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการความมั่นใจ คุณก็สามารถเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้เช่นกัน เนื่องจากหากไส้กรองสกปรกเกินไป ประสิทธิภาพจะลดลงและอาจเกิดการอุดตันได้ ในที่สุดแรงดันอาจทำให้ตัวกรองและสิ่งสกปรกรั่วเข้าไปในเครื่องยนต์ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงได้ และหากคุณไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือกรองน้ำมันเครื่องหรือไม่ คุณอาจสังเกตเห็นสัญญาณเริ่มต้นเหล่านี้

  • ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเร่งความเร็ว
  • มีเสียงโลหะดังมาจากฝากระโปรงรถ
  • แรงดันน้ำมันต่ำ
  • สีของควันที่ผิดปกติ

วิธีการทำงานของ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

ไส้กรองน้ำมันเครื่องทำงานโดยการให้น้ำมันเครื่องไหลผ่านวัสดุกรองที่มีรูพรุนขนาดเล็ก ซึ่งจะดักจับสิ่งสกปรกต่างๆ เอาไว้ ส่วนน้ำมันเครื่องที่สะอาดจะไหลผ่านไส้กรองออกไปหล่อลื่นเครื่องยนต์ต่อไป ขั้นตอนการทำงานของไส้กรองน้ำมันเครื่อง

  • น้ำมันเครื่องที่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกจะถูกสูบเข้าสู่ไส้กรองน้ำมันเครื่อง
  • น้ำมันเครื่องจะไหลผ่านวัสดุกรองที่มีรูพรุนขนาดเล็ก
  • สิ่งสกปรกต่างๆ จะถูกดักจับไว้ที่วัสดุกรอง
  • น้ำมันเครื่องที่สะอาดจะไหลผ่านไส้กรองออกไปหล่อลื่นเครื่องยนต์

วิธีเปลี่ยน ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

ตรวจดูว่าไส้กรองน้ำมันเครื่องอยู่ใต้รถหรือด้านบนของเครื่องยนต์หรือไม่ ตำแหน่งของตัวกรองนี้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นรถ
คลายปลั๊กน้ำมันโดยใช้ประแจหัวกลม เพื่อป้องกันคราบสกปรก ให้หาภาชนะมาวางก่อน ขั้นตอนนี้จะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ปล่อยให้รถเย็นลงก่อนที่จะคลายตัว เนื่องจากอาจโดนน้ำมันเครื่องร้อนได้
ถ่ายน้ำมันเครื่องทั้งหมดแล้วเปลี่ยนปลั๊ก
ใช้ประแจขันตัวกรองเพื่อคลายตัวกรองเก่า จากนั้น เติมไส้กรองใหม่ประมาณ 2/3 ของน้ำมันเครื่องให้เต็ม แล้วเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง คุณสามารถหมุนได้ด้วยมือ แต่ระวังอย่าหมุนแน่นหรือหลวมเกินไป

ราคา ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

การเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายไม่แพง โดยราคาไส้กรองน้ำมันเครื่องของรถยนต์มีราคาอยู่ที่ 140-200 บาท ส่วนราคาไส้กรองน้ำมันเครื่องของรถกระบะจะอยู่ที่ 140-300 บาท แต่ควรเลือกไส้กรองของแท้เพื่อคุณภาพที่ดีเท่านั้น หากเลือกซื้อของที่ไม่มีคุณภาพก็จะทำให้อายุการใช้งานของไส้กรองน้ำมันเครื่องสั้นลงหรืออาจชำรุดเร็วทำให้เกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์ได้ในภายหลัง

ความสำคัญของ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

  • ไส้กรองน้ำมันเครื่องมีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงานของเครื่องยนต์ หากไม่มีไส้กรองน้ำมันเครื่อง หรือไส้กรองน้ำมันเครื่องอุดตัน จะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ดังนี้
  • เครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้น: สิ่งสกปรกที่ปะปนอยู่ในน้ำมันเครื่องจะทำให้เกิดการเสียดสีและสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์ เช่น ลูกสูบ แหวนลูกสูบ และผนังกระบอกสูบ
  • เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ: สิ่งสกปรกที่อุดตันในไส้กรองน้ำมันเครื่องจะทำให้น้ำมันเครื่องไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างสะดวก ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ เช่น เครื่องยนต์ร้อนจัด เครื่องยนต์มีเสียงดังผิดปกติ หรือเครื่องยนต์ดับ
  • สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง: เมื่อเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ จะส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น

วิธีการดูแลรักษา ไส้กรองน้ำมันเครื่อง

เพื่อให้ไส้กรองน้ำมันเครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติดังนี้

  • เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด: ควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด
    เลือกไส้กรองน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพ: ควรเลือกไส้กรองน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพดี และเหมาะสมกับรุ่นรถยนต์ของคุณ
  • ตรวจสอบสภาพไส้กรองน้ำมันเครื่องเป็นประจำ: หากพบว่าไส้กรองน้ำมันเครื่องมีรอยรั่ว รอยแตก หรือชำรุด ควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่ทันที
  • ไส้กรองน้ำมันเครื่องเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ การดูแลรักษาไส้กรองน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี จะช่วยให้เครื่องยนต์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับไส้กรองน้ำมันเครื่อง ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำ

เคล็ดลับสู่ความสวยงาม คงทนของรถยนต์คู่ใจ

รถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะในการเดินทาง แต่ยังเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของชีวิตและสไตล์ของเรา การดูแลรักษาภายนอกรถยนต์ให้สวยงามและคงทนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจในรถยนต์ของเรา แต่ยังช่วยรักษามูลค่าของรถยนต์ในระยะยาวอีกด้วย ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกทุกแง่มุมของการดูแลรักษาภายนอกรถยนต์ ตั้งแต่การล้างทำความสะอาด การดูแลรักษาสีรถ การดูแลรักษายางรถยนต์ การดูแลรักษาชิ้นส่วนต่างๆ ไปจนถึงเคล็ดลับในการป้องกันความเสียหายจากสภาพแวดล้อมต่างๆ

การล้างทำความสะอาดรถยนต์

การล้างรถยนต์เป็นขั้นตอนพื้นฐานในการดูแลรักษาภายนอกรถยนต์ ช่วยขจัดคราบสกปรก ฝุ่นละออง และสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ที่อาจทำลายสีรถและทำให้รถยนต์ดูหมองคล้ำสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถ การรักษารถคันโปรดให้สะอาดเป็นประกายไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกรถคือสิ่งที่ทำให้จิตใจสงบและภาคภูมิใจเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถที่ชอบล้างรถที่บ้าน ช่วยให้พวกเขามีเวลาและใส่ใจกับสิ่งสกปรกทุกอย่างที่ต้องกำจัดออก การล้างรถอาจดูเหมือนง่าย แต่ต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ และความละเอียดอ่อนอีกเล็กน้อย รักษารถคันโปรดของคุณให้สะอาดเป็นประกายเพื่อให้ดูใหม่อยู่เสมอ วันนี้ nicecareshop จะมาแบ่งปันเทคนิคดีๆ ในการทำความสะอาดรถคันโปรดของคุณอย่างละเอียดด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งบริการของศูนย์ดูแลรถยนต์

เทคนิคเลือกอุปกรณ์ทำความสะอาด

ก่อนที่จะเรียนรู้เทคนิคการทำความสะอาดรถ เจ้าของรถทุกคนควรพิจารณาอุปกรณ์ล้างรถที่สำคัญเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับรถของตนมากที่สุด และสำหรับผู้ที่ไม่เคยล้างรถของตัวเองมาก่อนก็อาจจะสงสัยว่าจะใช้อะไรล้างรถ ฉันควรเลือกอย่างไร? เรามีคำตอบสำหรับคุณ

  • ถังน้ำใหญ่ 2 ถัง เพื่อประหยัดเวลาและพลังงาน ให้หยิบถังขนาดใหญ่สองสามใบพร้อมหูหิ้วพกพาสะดวกก่อนเริ่มล้างรถ แยกน้ำสำหรับล้างฟองน้ำกับน้ำผสมน้ำยาล้างรถ/แชมพู

ฟองน้ำใหม่และผ้าสะอาด

ฟองน้ำใหม่และผ้าสะอาด เวลาล้างรถอย่าใช้ฟองน้ำเก่าที่เปียกโชกไปด้วยสิ่งสกปรก อาจทำให้เกิดคราบบนรถของคุณได้ ดังนั้นคุณจึงต้องใช้ฟองน้ำใหม่ สิ่งสำคัญคือพื้นผิวของฟองน้ำต้องนุ่มและไม่หยาบจนเกินไปเพื่อปกป้องสีรถและป้องกันรอยขีดข่วน นอกจากนี้ เมื่อเลือกผ้าทำความสะอาด ให้เลือกผ้าไมโครไฟเบอร์ใหม่หรือผ้าซามัวเนื้อนุ่ม และคุณควรมีอย่างน้อย 3 ผ้าสำหรับทำความสะอาดรถยนต์ กระจก และล้อ

ทำความสะอาดรถที่ตอบโจทย์

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรถยนต์มีหลายประเภทและหลายสูตร ทั้งแชมพูและโฟม ดังนั้นคุณต้องเลือกอันที่เหมาะกับความต้องการของคุณ หากคุณต้องการผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำความสะอาดฝุ่นได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถเลือกของเหลวที่มีการเคลือบได้ สูตรพิเศษพร้อมสารหล่อลื่นช่วยให้คุณเช็ดฝุ่นออกได้อย่างง่ายดายและลดรอยขีดข่วนระหว่างการทำความสะอาด หรือหากต้องการให้รถเงางามก็สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการเคลือบได้ ซึ่งจะทำให้สีรถของคุณเงางามมากขึ้นกว่าเดิม สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างจาน แชมพู หรือผงซักฟอกในการล้างรถ เนื่องจากสีรถของคุณอาจจะเสื่อมสภาพเร็ว

สายยางล้างรถต้องมีความยาวพอดี

หากสายยางสั้นเกินไป รถของคุณอาจทำความสะอาดได้ไม่ถูกต้อง อาจมีผงซักฟอกหรือสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่ซึ่งไม่สามารถล้างออกด้วยน้ำได้ ดังนั้นควรเลือกสายยางที่ยาวพอที่จะดึงออกมาทำความสะอาดรถได้ทั้งคัน นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการเลือกท่ออ่อนที่โค้งงอได้ง่าย การดึงสายยางอาจทำให้ท่อโค้งงอและป้องกันไม่ให้น้ำไหล

แปรงขัดล้อเข้าถึงทุกซอกมุม

การล้างยางด้วยน้ำหรือฉีดน้ำอาจไม่เพียงพอที่จะทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เครื่องมือสำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องมีติดบ้านเพื่อเช็ดยางและล้อแม็กให้สะอาดและดูเหมือนใหม่ก็คือแปรงปัดยาง การใช้เครื่องมือนี้เพื่อขจัดคราบต่างๆ ออกจากยางเป็นสิ่งสำคัญมากด้วยการแปรง เช็ด หรือขัดถู

วิธีการล้างรถยนต์ที่ถูกต้อง

  • เตรียมอุปกรณ์: เตรียมอุปกรณ์ล้างรถให้พร้อม เช่น ถังน้ำ ฟองน้ำ ผ้าไมโครไฟเบอร์ น้ำยาล้างรถ แชมพูล้างรถ และสายยาง
  • ล้างด้วยน้ำเปล่าก่อน: ฉีดน้ำเปล่าทั่วทั้งคันรถ เพื่อขจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกเบื้องต้น
  • ผสมน้ำยาล้างรถ: ผสมน้ำยาล้างรถกับน้ำเปล่าในถังน้ำตามอัตราส่วนที่กำหนด
  • ล้างด้วยฟองน้ำ: ชุบฟองน้ำในน้ำยาล้างรถ แล้วล้างรถยนต์จากบนลงล่าง โดยเริ่มจากหลังคา ฝากระโปรงหน้า กระจกหน้าต่าง ประตูรถยนต์ และกันชน
  • ล้างล้อและซุ้มล้อ: ใช้ฟองน้ำหรือแปรงล้างล้อทำความสะอาดล้อและซุ้มล้อ
  • ล้างด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง: ฉีดน้ำเปล่าทั่วทั้งคันรถ เพื่อล้างน้ำยาล้างรถออกให้หมด
  • เช็ดให้แห้ง: ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดรถยนต์ให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันคราบน้ำa

ข้อควรระวังในการล้างรถยนต์

  • ไม่ควรล้างรถกลางแดด: การล้างรถกลางแดดจะทำให้น้ำยาล้างรถแห้งเร็วเกินไป และอาจทำให้เกิดคราบน้ำได้
  • ไม่ควรใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจาน: ผงซักฟอกและน้ำยาล้างจานมีฤทธิ์กัดกร่อน อาจทำให้สีรถเสียหายได้
  • ไม่ควรใช้ฟองน้ำสกปรก: ฟองน้ำสกปรกอาจมีเศษทรายหรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่อาจทำให้สีรถเป็นรอยได้

สีรถเป็นส่วนที่บอบบางและง่ายต่อการเสียหาย การดูแลรักษาสีรถอย่างถูกวิธีจะช่วยให้สีรถสวยงามและคงทนยาวนาน

2.1 การเคลือบสีรถ การเคลือบสีรถเป็นการเคลือบผิวสีรถด้วยสารเคลือบเงา เพื่อป้องกันสีรถจากรังสียูวี ฝุ่นละออง มูลนก และสิ่งสกปรกอื่นๆ การเคลือบสีรถควรทำทุกๆ 6 เดือน หรือตามความจำเป็น

2.2 การขัดสีรถ การขัดสีรถเป็นการขจัดคราบสกปรก รอยขีดข่วน และรอยขนแมวออกจากผิวสีรถ การขัดสีรถควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ และไม่ควรทำบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ชั้นสีบางลงได้

2.3 ข้อควรระวังในการดูแลรักษาสีรถ

  • ไม่ควรจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน: รังสียูวีจากแสงแดดจะทำให้สีรถซีดจางและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • ไม่ควรจอดรถใต้ต้นไม้: มูลนกและยางไม้จากต้นไม้อาจทำให้สีรถเสียหายได้
  • ไม่ควรใช้ผ้าแห้งเช็ดรถ: การใช้ผ้าแห้งเช็ดรถอาจทำให้เกิดรอยขนแมวบนผิวสีรถได้

ยางรถยนต์เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้รถยนต์ยึดเกาะถนนและขับเคลื่อนไปได้อย่างปลอดภัย การดูแลรักษายางรถยนต์อย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

  • การตรวจสอบลมยาง ควรตรวจสอบลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือทุกครั้งก่อนออกเดินทางไกล ควรเติมลมยางให้ได้ระดับที่เหมาะสมตามคู่มือรถยนต์
  • การสลับยาง ควรสลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด การสลับยางจะช่วยให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอ และยืดอายุการใช้งานของยาง
  •  การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ควรตั้งศูนย์ถ่วงล้อทุกๆ 20,000 กิโลเมตร หรือเมื่อรู้สึกว่ารถยนต์มีอาการสั่นขณะขับขี่ การตั้งศูนย์ถ่วงล้อจะช่วยให้รถยนต์ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลและปลอดภัย
  • ข้อควรระวังในการดูแลรักษายางรถยนต์
  • ไม่ควรขับรถด้วยลมยางอ่อน: ลมยางอ่อนจะทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น และอาจทำให้ยางระเบิดได้
  • ไม่ควรขับรถด้วยลมยางแข็ง: ลมยางแข็งจะทำให้รถยนต์กระด้าง และอาจทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
Categories
รถยนต์

เปิดตัว honda accord 2024 รถเท่สุดล้ำไม่ซ้ำใคร

honda accord 2024
honda accord 2024
honda accord 2024

เปิดตัว honda accord 2024
รถเท่สุดล้ำไม่ซ้ำใคร !!!

honda accord 2024 คือหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยานยนต์โลก  ด้วยการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ความสะดวกสบายในการขับขี่ และความน่าเชื่อถือที่เป็นเลิศ ทำให้ Accord กลายเป็นรถยนต์ที่ครองใจผู้คนทั่วโลกมาอย่างยาวนานกว่าสี่ทศวรรษ  เริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 ในช่วงเวลานั้น โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์พลังงานครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์ต่างพยายามพัฒนารถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ได้เริ่มพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่เน้นความประหยัดน้ำมันเป็นพิเศษ รีวิว 2024 Honda Accord รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และใช้เครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นแนวคิดที่แตกต่างจากรถยนต์ส่วนใหญ่ในยุคนั้น ในปี 1976 Honda Accord รุ่นแรกได้ถือกำเนิดขึ้น รถยนต์รุ่นนี้เป็นรถยนต์แฮทช์แบ็ก 3 ประตู ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ CVCC ขนาด 1.6 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อลดการปล่อยมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง

ความนิยมอย่างรวดเร็วจากผู้บริโภค

รีวิว 2024 Honda Accord รุ่นแรกได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากผู้บริโภค ด้วยขนาดที่กะทัดรัด ประหยัดน้ำมัน และราคาที่ไม่แพง ทำให้ Accord กลายเป็นรถยนต์ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ในปี 1977 Honda ได้เปิดตัว Accord รุ่นซีดาน 4 ประตู ซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้กัน รถยนต์รุ่นนี้มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก ความสำเร็จของ Accord รุ่นแรกและรุ่นซีดาน 4 ประตู ทำให้ Honda ตัดสินใจขยายตลาด Accord ไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ในช่วงทศวรรษที่ 1980 Accord ได้กลายเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย

การพัฒนารถอย่างต่อเนื่อง

ตลอดระยะเวลากว่าสี่ทศวรรษที่ผ่านมา honda accord 2024 ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ และเทคโนโลยี ในแต่ละรุ่น Accord ได้รับการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป Honda ได้นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ใน Accord อย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT, ระบบนำทาง, ระบบความปลอดภัยขั้นสูง และระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

รางวัลและการยอมรับจากผู้ใช้งาน

รีวิว 2024 Honda Accord ได้รับรางวัลและการยอมรับมากมายจากสื่อมวลชนและองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการยกย่องในด้านความน่าเชื่อถือ สมรรถนะ ความปลอดภัย และความคุ้มค่า Accord ได้รับรางวัล “รถยนต์แห่งปี” จากนิตยสาร Motor Trend ถึง 30 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่มีรถยนต์รุ่นอื่นทำได้ นอกจากนี้  ยังได้รับรางวัลด้านความปลอดภัยสูงสุดจากสถาบัน IIHS (Insurance Institute for Highway Safety) ในสหรัฐอเมริกา

ทิศทางในอนาคตของ Honda Accord

Honda Accord ยังคงเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต Honda ได้ประกาศแผนการที่จะพัฒนา รีวิว 2024 Honda Accord  รุ่นใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น เช่น ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และระบบเชื่อมต่อที่ชาญฉลาด ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและความสำเร็จที่ยั่งยืน Honda Accord ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นรถยนต์ที่คู่ควรกับการเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

ความนิยมของคนรัก accord ในปัจจุบัน

honda accord 2024  เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยานยนต์โลก ด้วยการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ความสะดวกสบายในการขับขี่ และความน่าเชื่อถือที่เป็นเลิศ ทำให้ รีวิว 2024 Honda Accord กลายเป็นรถยนต์ที่ครองใจผู้คนทั่วโลกมาอย่างยาวนานกว่าสี่ทศวรรษ Accord ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ และเทคโนโลยี Honda ได้นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ใน Accord อย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT, ระบบนำทาง, ระบบความปลอดภัยขั้นสูง และระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า Accord ได้รับรางวัลและการยอมรับมากมายจากสื่อมวลชนและองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการยกย่องในด้านความน่าเชื่อถือ สมรรถนะ ความปลอดภัย และความคุ้มค่า Honda Accord ยังคงเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต

honda accord 2024 หรูหรากับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการทั่วโลก สร้างความตื่นเต้นและความคาดหวังให้กับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ ด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และสมรรถนะที่เหนือชั้น ทำให้ Accord รุ่นล่าสุดนี้เป็นที่จับตามองของวงการยานยนต์ ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยเน้นความเรียบหรูและความสปอร์ตที่ลงตัว กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้า LED ที่คมชัด และเส้นสายตัวถังที่เฉียบคม ทำให้ Accord ดูโดดเด่นและทันสมัยกว่าที่เคย ภายในห้องโดยสาร Accord 2024 ได้รับการออกแบบให้มีความกว้างขวางและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งภายในมีคุณภาพสูง เบาะนั่งโอบกระชับ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง

ความสะดวกสบายและความปลอดภัย ของผู้ใช้งาน

Honda Accord 2024 มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากมาย เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

  • ระบบ Honda Sensing 360: ระบบความปลอดภัยขั้นสูงที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุและลดความรุนแรงของการชน ประกอบด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้าและระบบช่วยเบรก, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ, และระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ
  • หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่: หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ที่ควบคุมระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ รวมถึงระบบนำทาง, ระบบเครื่องเสียง, และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ
  • ระบบเครื่องเสียง Bose: ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูงจาก Bose ที่ให้เสียงที่คมชัดและสมจริง
  • ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto: ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ บนโทรศัพท์มือถือได้ผ่านหน้าจอสัมผัสของรถยนต์ 

ฟังก์ชันอื่นๆ

 ขณะที่ฟังก์ชันอื่นๆ ประกอบด้วย ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Braking System (CMBS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS), ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning (RDM with LDW) และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามคันหน้าที่ความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow (ACC with LSF)

สมรรถนะที่เหนือชั้นของรถ

Honda Accord 2024 มีให้เลือกทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีไฮบริดที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย Honda เพื่อให้ประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้นและลดการปล่อยมลพิษ รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV ของ Accord 2024 มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวมสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร

ดีไซน์ภายนอก

โฉมใหม่ เจเนอเรชั่น 11 มาพร้อมสไตลิ่งของรถสปอร์ตซีดานท้ายลาดที่มินิมอล มีความโมเดิร์น และสปอร์ตมากขึ้น ด้วยการลดทอนรายละเอียดลง รวมถึงการออกแบบกระจังหน้าและชุดไฟหน้าเป็นรูปทรงเรขาคณิต ขณะที่ไฟท้ายเป็นเส้นแถบไฟบนพื้นสีดำ โดยไฟหน้า-ไฟท้ายจะเป็น LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบวิ่ง (LED Sequential) ระบบไฟเปิด-ปิดอัตโนมัติ ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น RS จะได้การตกแต่งกระจกมองข้าง เสาอากาศครีบฉลาม สปอยเลอร์ท้าย ด้วยสีดำ และมีหลังคามูนรูฟแบบพาโนรามา นอกจากนี้ล้อรุ่น E จะให้มาเป็นสีเทา ขนาด 17 นิ้ว แต่รุ่น E กับ RS ให้มาเป็นขนาด 18 นิ้ว ลาย 5 ก้าน สีทูโทน ส่วนมิติตัวถังของ Honda Accord 2024 มีความยาว 4,962 มม. กว้าง 1,862 มม. สูง 1,449 มม. ความยาวฐานล้อ 2,828 มม. (รุ่น E กับ RS 2,827 มม.) ซึ่งยาวกว่าโฉมเดิม แต่ความยาวฐานล้อสั้นลง 2-3 มม. ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย  

ดีไซน์ภายใน

ภายในของ Honda Accord 2024 ใช้ชุดแผงคอนโซลหน้าคล้ายกับ Honda Civic และ Honda CR-V โฉมปัจจุบัน ห้องโดยสารมีเฉพาะโทนสีดำ วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์ โดยรุ่น RS จะได้แถบประดับสีเงิน Metallic ลาย 3 มิติ สลับวัสดุสีดำเงา Piano Black และเบาะเย็บด้ายสีแดง แต่รุ่น E กับ EL จะได้แค่แถบประดับสีดำเงา Piano Black ขณะที่รุ่น E กับ RS จะมีไฟสร้างบรรยากาศเลือกเฉดสีได้ รวมถึงปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะผู้โดยสารตอนหน้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะคนขับบันทึกตำแหน่งได้พร้อมระบบ Welcome Seat, ระบบแอร์อัตโนมัติ i-Dual Zone แยกปรับซ้าย-ขวา ช่องแอร์ผู้โดยสารตอนหลัง, ม่านบังแดดกระจกหลัง, ที่ชาร์จสมาร์ตโฟนไร้สาย ระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 12.3 นิ้ว มี Google built-in รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย สามารถสั่งงานด้วย Siri รวมถึง Android Auto รวมถึงลำโพง Bose 12 ตำแหน่ง ตลอดจนระบบควบคุมเสียงรบกวน ANC จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น

เครื่องยนต์และสมรรถนะ

รีวิว 2024 Honda Accord  ทุกรุ่น ใช้เทคโนโลยีไฮบริด e:HEV ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 147 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 182 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ช่วง 5,000-8,000 รอบ/นาที และแรงบิด 335 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยทั้งระบบให้กำลังสูงสุดรวมกัน 207 แรงม้า

เทคโนโลยีและความปลอดภัย

ทุกรุ่นย่อย honda accord 2024 จะติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ประกอบด้วย ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนการชนพร้อมช่วยเบรก, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง, ระบบเตือนและช่วยดึงรถกลับเมื่อออกนอกช่องทาง, ระบบควบคุมความเร็วแปรผัน โดยสามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าได้ที่ความเร็วต่ำ รวมถึงระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าออกตัว แต่ไฟหน้า LED แบบแปรผันป้องกันแสงแยงตารถคันหน้ามีเฉพาะรุ่น RS ขณะที่ระบบความปลอดภัยอื่น ๆ มีถุงลมนิรภัย 8 จุด, เบรก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX, ระบบเตือนมุมอับสายตา, กล้องมองภาพด้านหลังปรับได้ 3 ระดับ, ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ยกเว้นกล้องมองภาพรอบทิศทางกับเซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง รวม 8 จุด มีเฉพาะรุ่น RS เท่านั้น

ด้านอุปกรณ์

ทางด้านอุปกรณ์ ทุกรุ่นให้แอร์อัตโนมัติและสั่งงานจากระยะไกลได้ด้วยรีโมต มีระบบกุญแจสมาร์ตคีย์ ยกเว้นเกรด S เบรกมือไฟฟ้ามีเฉพาะรุ่นที่เป็นไฮบริด e:HEV มาตรวัดทุกรุ่นเป็นแอนะล็อกคู่กับจอดิจิทัลสีขนาด 4.2 นิ้ว สำหรับรุ่นเทอร์โบ และ 7 นิ้ว หากเป็นรุ่นไฮบริด e:HEV ส่วนระบบเครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนทั้ง Apple CarPlay กับ Android Auto แบบไร้สาย มีในเกรด SV กับ RS

ซีดานดี-เซกเมนท์ ยังคงเย้ายวน !

รุ่นล่าสุดของ honda accord 2024 (ฮอนดา แอคคอร์ด) สายพันธุ์ลำดับที่ 11 กับการเปลี่ยนแปลงสู่ขุมพลังไฮบริดล้วนๆ พร้อมเส้นสายที่ทันสมัย แต่จะโดนใจหรือไม่ เรามาดูกัน การออกแบบของ HONDA ACCORD รุ่นล่าสุด มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ไม่น้อย กับเส้นสายที่เน้นแนวนอน และตัวรถที่แบนราบ ช่วยให้รถมีความยาว ภูมิฐานขึ้นอย่างชัดเจน ไฟหน้าทรงเรียวในแนวนอน รับกับกระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ (ลักษณะเดียวกันทุกรุ่นย่อย) ในรุ่นทอพ RS ที่เราได้ทดลองขับ (เป็นครั้งแรกที่ ACCORD มีรหัส RS เป็นทางเลือก)

รีวิว 2024 Honda Accord อัตราเร่งไหลลื่น

เครื่องยนต์ของ HONDA ACCORD E:HEV เป็นระบบไฮบริดที่ประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 147 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 184 แรงม้า คิดเป็นกำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 207 แรงม้า (สูงกว่ารุ่นก่อนหน้านี้เล็กน้อย) ทางผู้ผลิตมีการปรับปรุงรายละเอียดของเครื่องยนต์หลายจุด รวมถึงการตอบสนองโดยรวม ทำให้อัตราเร่งมีความฉับไว ทันใจ แม้ไม่ถึงกับดุดัน หวือหวา มากมาย แต่เหมาะสมกับบุคลิกของตัวรถที่เน้นความมั่นคง สามารถไต่ความเร็วได้อย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงความเร็วปลายได้อย่างไม่ยากเย็น การทำงานของระบบ E:HEV จาก HONDA ยังคงเน้นการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์เบนซินทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ชุดแบทเตอรี

ยกเว้นช่วงความเร็วสูงคงที่จะเป็นหน้าที่ขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เบนซิน เราพบว่าอัตราเร่งทำได้น่าพอใจ ยังมาพร้อมกับการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีขึ้นอีกด้วย แม้มีตัวถังขนาดใหญ่ แต่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ประมาณ 20 กม./ลิตร ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลย การหมุนเวียนพลังงานของ ACCORD รุ่นนี้ทำได้น่าพอใจทีเดียว รวมถึงการปรับระดับความหน่วงของมอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อผู้ขับถอนเท้าจากคันเร่ง สามารถทำได้ถึง 6 ระดับ ช่วยให้การนำกระแสไฟฟ้ากลับมาใช้งานทำได้ดียิ่งขึ้น

ระบบรองรับ หนึบนุ่ม

ส่วนระบบรองรับของ HONDA ACCORD รุ่นล่าสุด มีการปรับแต่งที่ลงตัวเกินคาด ความนุ่มนวลยังคงมีให้สัมผัส แต่มีการเสริมความหนึบอย่างเหมาะสม ได้ประโยชน์ในเรื่องของความมั่นคงขณะขับขี่ได้เป็นอย่างดี การใช้ความเร็วสูง หรือการเข้าโค้ง สามารถควบคุมได้แม่นยำต่อเนื่อง อีกหนึ่งจุดที่ซีดานรุ่นนี้ทำได้น่าพอใจ คือ การตอบสนองของพวงมาลัยที่มีน้ำหนักเหมาะสม ให้ความรู้สึกใกล้เคียงซีดานสัญชาติยุโรปเลยทีเดียว การขับขี่ที่ดี และลงตัว คือ หนึ่งในจุดเด่นของ ACCORD รุ่นนี้จริงๆ 

จุดเด่นที่ซ่อนอยู่ภายใน

รูปทรงภายนอกของ honda accord 2024 รุ่นล่าสุด อาจทำให้หลายคนลังเลในทีแรกที่พบเห็น แต่หลังจากที่ได้มาเห็นคันจริง ก็พบว่าเส้นสายมีความลงตัวไปอีกแบบ มีความสปอร์ทมากกว่าเดิม และความทันสมัยตามแบบฉบับซีดานยุคปัจจุบัน สมรรถนะจากอัตราเร่งที่มีความไหลลื่นจากขุมพลังไฮบริดรหัส E:HEV ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ พร้อมกับการประหยัดเชื้อเพลิงที่น่าพอใจ จุดสังเกตของเรา คือ อุปกรณ์ใช้งานจากรุ่นก่อนหน้านี้บางอย่างขาดหายไป เช่น ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ แต่เชื่อว่า รถยนต์รุ่นนี้จะยังคงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของซีดานระดับราคา 1 ล้านบาทปลายๆ ที่ยังคงมีความน่าสนใจไม่น้อย แม้ปัจจุบันจะมีทางเลือกที่หลากหลายกว่าเดิมก็ตามที   

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct injection เปิดประสบการณ์ขับขี่ที่ทรงพลัง แรง ตอบสนองดั่งใจ มอบอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ เพื่อโลกที่ดีกว่าในอนาคต ตอบสนองดั่งใจกับแผงคอนโซลหรูหราขนาดใหญ่ ทุกรุ่นมาพร้อม Honda  เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ 

ถุงลมนิรภัยด้านหน้า

ถุงลมนิรภัยด้านหน้าคนขับและผู้โดยสารรุ่นใหม่เปิดตัว ออกแบบเพื่อลดการบาดเจ็บที่สมองเมื่อเกิดการชนด้านหน้า ถุงลมนิรภัยคนขับใช้นวัตกรรมโครงสร้างการเย็บแบบเหน็บ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของถุงลมนิรภัยทั้งสองด้าน ถุงลมนิรภัยด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร ออกแบบใหม่เพื่อประคองศีรษะ เป็นครั้งแรกที่ Accord มาพร้อมถุงลมนิรภัยกันกระแทกที่เข่า

รถไฮบริดช่วยประหยัดน้ำมันยังไง

honda accord 2024  e:HEV หรือ รถไฮบริด (Hybrid) คือรถที่มีการทำงานเครื่องยนต์ผสมผสานระหว่างน้ำมันและระบบไฟฟ้าภายในตัวโดยที่ยังจำเป็นต้องเติมน้ำมันด้วย สำหรับรถยนต์ประเภทไฮบริดมีข้อดีตรงที่ ประหยัดน้ำมันได้ดีกว่าเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป และ ช่วยลดมลพิษที่เกิดจากควันรถได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้หากผู้ขับขี่สนใจรถ Honda ehev ก็ควรพิจารณาถึงเรื่องแบตเตอรี่ที่มีราคาสูงอยู่ประมาณ 76,600 บาท แต่ในราคาแพงก็ยังมีประกันที่ Honda ช่วยคุ้มครองสูงสุด 10 ปี คำแนะนำสำหรับการขับรถให้ประหยัดน้ำมันใช้ทั้งรถเครื่องยนต์สันดาป หรือ ไฮบริด ก็คือการเปิดใช้งานโหมด ECON ซึ่งก็จะช่วยได้ในระดับนึงแต่ถ้ามีพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ดี เช่น ขับรถเร็ว, บรรทุกของหนัก การเปิดโหมด ECON ก็จะไม่ช่วยอะไร

รีวิว 2024 Honda Accord

รีวิว 2024 Honda Accord แหล่งอ้างอิงจาก :https://www.youtube.com/

ส่วนประกอบของระบบไฮบริดที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นนั้นจะคอยเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันตามรูปโดยเริ่มต้นที่ honda accord 2024

  • เติมน้ำมันเข้าเครื่องยนต์ ทำหน้าที่ปั่นไฟฟ้าเข้าสู่มอเตอร์ไฟฟ้าจากนั้นมอเตอร์ไฟฟ้าจะคอยนำพลังงานที่ได้มาทำให้ล้อหมุนขับเคลื่อน
  • มอเตอร์ไฟฟ้าก็จะส่งไฟฟ้าไปให้แบตเตอรี่เก็บเอาไว้ และ แบตเตอรี่ก็จะส่งไฟฟ้าที่สะสมไว้ไปให้มอเตอร์ไฟฟ้าใช้งานเช่นกัน
  • ในส่วนของล้อรถก็จะมีการส่งไฟฟ้าเพื่อเก็บคืนเข้าสู่แบตเตอรี่ ตอนที่มีการเบรกหรือชะลอรถ
  • หากขับรถด้วยความเร็วในช่วง 100 – 120 กม./ชั่วโมง เครื่องยนต์จะทำงานโดยตรงกับล้อ (Cruising  Speed) โดยไม่ผ่านมอเตอร์ไฟฟ้า
  • หากลดความเร็วก็จะเข้าสู่กระบวนการแบบเดิม เครื่องยนต์จะปั่นไฟฟ้าเข้าสู่มอเตอร์และไปทำให้ล้อเคลื่อนที่
  • ในการขับขี่รถไฮบริดจะเหมาะมากกับสภาพแวดล้อมภายในตัวเมืองมากกว่าเนื่องจากต้องใช้ความเร็วต่ำ ทำให้ใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าน้ำมัน
  • รุ่น e:HEV E ราคา 1,529,000 บาท
  • รุ่น e:HEV EL ราคา 1,669,000 บาท
  • รุ่น e:HEV RS ราคา 1,799,000 บาท

Accord 2024 ราคา(Gen 11) ใหม่ ถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานภายนอก ได้แก่ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED, กระจกมองข้างปรับ-พับอัตโนมัติ รีวิว 2024 Honda Accord เสาอากาศแบบครีบฉลาม, กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง (เฉพาะรุ่น EL และ RS), ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น E และขนาด 18 นิ้ว ในรุ่น EL และ RS

Categories
รถยนต์

พาชม Honda Civic e:HEV RS 2023 สปอร์ตเร้าใจ ประหยัดน้ำมัน

เปิดตัว Honda Civic e:HEV RS 2023

Honda Civic e:HEV RS 2023 มาพร้อมขุมพลังไฮบริด e:HEV ที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน อย่างชาญฉลาด ควบคุมการส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ E-CVT และระบบส่งกำลังแบบเฟืองท้าย ให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ประหยัดน้ำมัน ปล่อยมลพิษต่ำ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ฮอนด้า ซีวิค หนึ่งในรถยนต์ซีดานที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต เทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ล่าสุด ฮอนด้าได้เปิดตัว Civic e:HEV RS โฉมใหม่ มาพร้อมขุมพลังไฮบริดที่ผสานความแรง ประหยัดน้ำมัน และขับสนุก เข้าไว้ด้วยกัน  โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว กระจังหน้าแบบใหม่ ไฟหน้า LED  ไฟท้าย LED รูปทรงตัว C ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต เสริมด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า ฝากระโปรงหน้า กระโปรงท้าย และด้านข้าง สื่อถึงความสปอร์ตเร้าใจ ขณะที่ Civic e:HEV EL+ ติดตั้งมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว, ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto, ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยรีโมท และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 

ภายในหรูหรา สะดวกสบาย

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำ เบาะนั่งหนังแท้สีดำเย็บด้ายแดง ดีไซน์สปอร์ตโอบกระชับ รองรับสรีระ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ควบคุมระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวก หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว Honda Civic e:HEV RS 2023  ระบบ Honda CONNECT รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ช่องปรับอากาศแบบแยกโซน ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างอิสระ ช่องเก็บสัมภาระด้านหลังกว้างขวาง รองรับการใช้งานหลากหลายฮอนด้า ซีวิค e:HEV RS ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ดีไซน์สปอร์ตเร้าใจ ขุมพลังไฮบริดประหยัดน้ำมัน เทคโนโลยีล้ำสมัย ครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่ทั้งสปอร์ต ประหยัด และขับขี่ได้อย่างมั่นใจ  ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง, แป้นคันเร่งแบบสปอร์ต, เบาะนั่งด้านหลังปรับพับแยก 60:40, ระบบควบคุมประตู Honda Smart Key Card, มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูล การขับขี่ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto, ระบบชาร์จไฟไร้สายระบบสตาร์ทเครื่องยนต์และระบบปรับอากาศด้วยรีโมท, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา, ช่องแอร์หลัง, ช่อง USB

ภายนอกของ Honda Civic e:HEV RS 2023

ภายนอกของ Honda Civic e:HEV RS 2023  ติดตั้งกระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม, กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS, ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED, ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED, กระจกมองข้างสีดำ, มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม, เสาอากาศแบบครับฉลามสีดำ, สปอยเลอร์หลังสีดำ และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว  ในด้านของดีไซน์ Honda Civic e:HEV ใหม่ คงไม่ต้องพูดถึงกันมากนัก เพราะหลายคนคงเห็นรถรุ่นนี้วิ่งบนท้องถนนกันทั่วไปแล้ว แต่ในรุ่น e:HEV ทั้ง EL+ และ RS ก็มีจุดต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ซึ่งก็คือไฟหน้าแบบ LED ที่ถูกตกแต่งด้วยกรอบโครเมียมเล็กๆ บริเวณตำแหน่งไฟสูงด้านใน ส่วนรุ่น EL+ จะได้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลวดลายเดียวกับรุ่น Turbo RS เดิม แต่เปลี่ยนไปใช้สีทูโทนเทา-เงิน ขณะที่รุ่น e:HEV RS จะได้ล้ออัลลอยลายใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 18 นิ้ว ตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-เงิน ทั้งยังใจป้ำหุ้มด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4 ขนาด 235/40 ZR18 มาให้ (ซึ่งสัญลักษณ์ Z ก็หมายถึงดัชนีความเร็วของยางที่รองรับความเร็วมากกว่า 240 กม./ชม. ขึ้นไป)

ขุมพลังไฮบริด 2.0 ประหยัดน้ำมัน

Honda Civic e:HEV RS 2023  มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนแบบ e-CVT ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น ประหยัดน้ำมันสูงสุด 24.8 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ได้อย่างลงตัว ให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ประหยัดน้ำมัน ปล่อยมลพิษต่ำ

เทคโนโลยีล้ำสมัย ครบครัน

 มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย อาทิ ระบบ Honda SENSING รวมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะครบครัน เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบเบรกอัตโนมัติ ระบบเตือนรถออกนอกเลน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ระบบเตือนจุดอับสายตา ระบบเตือนข้ามถนน ระบบช่วยรักษาระยะห่างระหว่างคันหน้า ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display) ระบบ Honda CONNECT เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ควบคุมระบบต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย

ไฮบริด 2.0 ที่ชาญฉลาด

Honda Civic e:HEV RS 2023  ระบบ e:HEV ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า สลับไปมาระหว่างโหมดการขับขี่ 3 โหมด

  • โหมดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า: มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงตัวเดียวขับเคลื่อนล้อ เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง ความเร็วต่ำ ประหยัดน้ำมันสูงสุด
  • โหมดขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ขับเคลื่อนล้อ เหมาะสำหรับการขับขี่บนทางหลวง ความเร็วสูง
  • โหมดผสมผสาน: เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน เหมาะสำหรับการขับขี่ทั่วไป ต้องการทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน
  • ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV มีส่วนประกอบหลักคือ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว แบ่งเป็นมอเตอร์สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน น้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว อัตราส่วนการอัด 13.9:1 กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 182 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที

ระบบช่วยเหลือการขับขี่

เครื่องแรงแล้วช่วงล่าง เป็นอีกอย่างที่ Honda Civic e:HEV RS 2023 ทำได้ดีกว่า Civic 1.5Turbo ชัดเจน ช่วงล่างที่ได้รับการปรับเซ็ตใหม่ เพื่อรองรับกับเครื่องยนต์ฟูลไฮบริด และน้ำหนักที่เปลี่ยนไป แบตเตอรี่ถูกวางไว้ช่วงที่นั่งด้านหลังและอยู่ต่ำกว่าเดิม 1 เซนติเมตร ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถคันนี้เตี้ยลง เพิ่มค่า K สปริง ให้มากขึ้นกว่าเดิม 10% รวมไปถึงตัวกระบอกโช้คก็ได้มีการปรับใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับน้ำหนัก  ทำให้เวลาวิ่งแล้วทำให้ตัวรถรู้สึกได้ถึงความสปอร์ต ให้การยึดเกาะถนนที่ดี Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow (ACC with LSF) ระบบควบคุมความเร็ว อัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ เป็นระบบที่จำเป็นสำหรับชีวิตคนเมืองที่ต้องเดินทางเวลารถติด หรือเดินทางไกลทำให้ขับขี่ได้อย่างสบายมากยิ่งขึ้น

สิ่งอำนวยความสะดวก

หน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto เชื่อมต่ออย่างง่ายดายไม่มีสายต่อให้เกะกะ ทำให้ชีวิตของผู้ขับขี่สบายยิ่งขึ้น และเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่  ส่วนระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ประกอบด้วย ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch), ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor), กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ, (Multi-angle Rearview Camera), ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)

ความแรงและความประหยัด

ทิ้งช่วง จากการเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย และ การประกาศราคาอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน ฮอนด้าก็จัดทริปทดลองขับ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ Honda Civic e:HEV RS 2023 บนเส้นทางภาคเหนือ เชียงราย-เชียงแสน โดยใช้รถรุ่นสูงสุด RS ราคา 1,259,000 บาท ได้ลองทั้งทางตรงโล่งยาว และการใช้งานในเมือง สรุปสั้นๆ ได้ว่ารถรุ่นนี้ให้ทั้งความแรงในระดับที่น่าพอใจ และถ้าขับชิลๆ ก็ประหยัดน้ำมันได้ถึงระดับ 20 กิโลเมตรต่อลิตร  มิติตัวรถมีความยาว 4,678 มิลลิเมตร กว้าง 1,802 มิลลิเมตร สูง 1,415 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,734 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,537/1,576 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 128 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,429 กิโลกรัม

ครอบคลุมช่วงอายุของกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น

รูปลักษณ์โดยรวมมีความเป็นผู้ใหญ่กว่ารุ่นเดิม ขนาดตัวรถค่อนข้างใหญ่ ทรงรถแบนเตี้ยและยาวให้มุมมองที่สปอร์ต เมื่อรวมกับการตกแต่งของรุ่น RS ทำให้ซีวิครุ่นนี้ดูเป็นสปอร์ตซีดานกึ่งใหญ่ ยังคงความปราดเปรียวและมีกลิ่นไอของความหรูหราที่มาจากทั้งการตกแต่งและภาพลักษณ์ของแบรนด์ฮอนด้า เป็นรถที่ครอบคลุมช่วงอายุของกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น ห้องโดยสารออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Fine Morning’ แผงคอนโซลอยู่ในระดับต่ำและไม่ยื่นยาวออกมามากนัก เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ทำให้ผู้ขับอยู่ในตำแหน่งท่านั่งที่ถูกต้องและสะดวกสบาย ทัศนวิสัยรอบคันค่อนข้างโปร่ง ช่วยให้ขับได้อย่างมั่นใจและใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวเข้ากับรถ รู้สึกว่าควบคุมรถได้ง่ายและคล่องตัว แม้เบาะนั่งจะวางตำแหน่งไว้ค่อนข้างต่ำ เพื่อให้ความรู้สึกสปอร์ตมั่นคง แต่ยังคงกะระยะรอบคันได้ง่าย

อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน

อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน ที่ต้องชมคือ ให้ระบบความปลอดภัยในกลุ่ม Honda SENSING มาเท่าเทียมกันทุกรุ่นย่อย อุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ก็จัดเต็มตามลำดับขั้นของรุ่นสูงสุด ที่ได้ใช้ตลอดทริป คือ Wireless Apple CarPlay สำหรับดู Google Map และระบบ Wireless Charger ที่แรงพอจะชาร์จสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ได้จริง ไม่ต้องพกสาย USB ให้รุงรัง จอที่คอนโซลกลางเป็นระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ใหญ่เต็มตา Honda Civic e:HEV RS 2023 มีความละเอียดคมชัด และตอบสนองการสั่งงานได้รวดเร็ว เบาะหลังมีสาธารณูปโภครองรับทั้ง ช่องแอร์และ 2 ช่องเชื่อมต่อ USB พนักพิงแยกพับ 60:40 ที่มีเฉพาะรุ่น e:HEV RS ช่วงถาม-ตอบ มีเพื่อนสื่อมวลชนสอบถามว่า ทำไมรุ่นอื่นไม่ทำพนักพิงเบาะหลังพับได้ เพราะต้นทุนไม่น่าเพิ่มขึ้นมาก ได้คำตอบว่าเพื่อสร้างความแตกต่าง เนื่องจากฮอนด้าให้อุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยใกล้เคียงกันในแต่ละรุ่นย่อย

การเก็บเสียงเป็นอีกเรื่องที่น่าชื่นชม

การเก็บเสียงเป็นอีกเรื่องที่น่าชื่นชม สมกับที่เพิ่มระบบ ANC (Active Noise Control) และระบบ ASC (Active Sound Control) โดย ANC ทำหน้าที่ลดเสียงรบกวนโดยตรง เช่น ลดเสียงรบกวนในช่วงที่ขับบนถนนขรุขระ ส่วน ASC เป็นเสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์ แปรผันตามการกดคันเร่ง เส้นทางที่ทดลองขับบางช่วงเป็นทางตรงโล่งยาว และแทบไม่มีรถคันอื่น ได้ลองใช้ความเร็วสูงเกินการใช้งานปกติไปบ้าง พบว่ามีเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารน้อยมาก รวมทั้งเสียงเครื่องยนต์และเสียงยาง ก็ดังในระดับที่ไม่ถึงขั้นเสียงรบกวน ขับความเร็วเดินทาง 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ห้องโดยสารเงียบสงบ ขับได้อย่างผ่อนคลายและรู้สึกปลอดภัย ด้วยสภาพแวดล้อมภายในห้องโดยสาร ทั้งคุณภาพวัสดุ อุปกรณ์มาตรฐาน และความกว้างขวาง แม้จะเป็นรถในกลุ่มคอมแพกต์ แต่สามารถใช้เป็นรถสำหรับครอบครัวขนาดเล็กได้สบาย

ฮอนด้า ซีวิค e:HEV RS มาพร้อมขุมพลังไฮบริด Sport Hybrid i-MMD ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานด้วยวัฏจักร Atkinson Cycle เผาไหม้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมการเปิดปิดวาล์วไอดีด้วยระบบ VTEC เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในรอบเครื่องยนต์ต่ำและสูง 

มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหน้า ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน ให้การเร่งที่รวดเร็ว ราบรื่น เงียบสงบ ประหยัดน้ำมัน 

ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า ควบคุมการส่งกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ปรับอัตราทดได้อย่างต่อเนื่อง ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างแม่นยำ ราบรื่น 

ระบบส่งกำลังแบบเฟืองท้าย ถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า สู่ล้อหน้า ขับเคลื่อนรถยนต์ให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า 

ควบคุมการทำงานด้วยชุดควบคุมอัจฉริยะ

ควบคุมการทำงานด้วยชุดควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) กำลังมอเตอร์สูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0-2,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT)อัตราสิ้นเปลือง 25 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 96 กรัมต่อกิโลเมตร ระบบส่งกำลังได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และการควบคุมการทำงานของระบบฟูลไฮบริด ส่วนเครื่องยนต์ใหม่ก็ได้รับการพัฒนาให้เก็บเสียงและแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น

ระบบฟูลไฮบริด Honda Civic e:HEV RS 2023

ระบบฟูลไฮบริด e:HEV มี 3 รูปแบบการขับเคลื่อน ซึ่งระบบจะเลือกให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับ ได้แก่

  • EV Drive Mode : รถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว โดยใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้อัตราเร่งที่ดี ออกตัวรวดเร็วทันใจโดยไม่ต้องรอรอบ ระบบจะขับเคลื่อนด้วยโหมดนี้เมื่อใช้ความเร็วต่ำ-ปานกลาง อย่างเช่นการขับในเมือง โดยแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความจุมากขึ้น จึงขับในโหมด EV Drive ได้นานขึ้น
  • Hybrid Drive Mode : ระบบจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งจากเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว ให้อัตราเร่งที่ดี
  • Engine Drive Mode : เมื่อใช้ความเร็วสูงคงที่ ระบบจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง ให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ ในโหมดนี้มอเตอร์ไฟฟ้าจะไม่ขับเคลื่อนล้อ

ฟังก์ชั่น Drive Mode ที่ผู้ขับสามารถเลือกเองได้ 3 โหมด

  • ECON Mode : หรือโหมดการขับแบบประหยัด ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับ เพื่อให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น
  • Normal Mode : หรือโหมดการขับแบบปกติ สำหรับการขับใช้งานโดยทั่วไป
  • Sport Mode : หรือโหมดการขับแบบสปอร์ต ระบบจะตอบสนองคันเร่งรวดเร็วขึ้น เพิ่มความสนุกในการขับ

คอพวงมาลัย

คอพวงมาลัยมีแป้น +/- (Deceleration Paddle Selectors) ใช้สำหรับควบคุมการหน่วงและเลือกระดับการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน เมื่อมีการชลอความเร็ว แค่เริ่มขับด้วยความเร็วต่ำก็รู้สึกถึงพละกำลังที่เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไปแน่ๆ ช่วงขับในเมืองระบบเข้าโหมด EV Drive มอเตอร์ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ไม่ทำงาน ขับได้นุ่มนวลราบเรียบและคล่องตัว การสลับโหมดระหว่าง EV Drive กับ Hybrid Drive ทำได้อย่างนุ่มนวล ถ้าไม่สังเกตจริงๆ จะแทบไม่รู้สึกว่าเครื่องยนต์ทำงานหรือยัง ส่วนโหมดการขับทั้ง 3 ลองสลับใช้งานแล้วก็รู้สึกถึงความแตกต่างได้  ในส่วนของระบบฟูลไฮบริด Honda Civic e:HEV RS 2023  พอจะสรุปได้ว่า ถ้าขับความเร็วปกติก็ให้ความประหยัด คาดหวังได้เกิน 15-16 กิโลเมตรต่อลิตร และถ้าจับจังหวะการกดคันเร่งได้แล้ว ก็จะเร่งได้อย่างทันใจ ด้วยแรงบิดที่ดีและต่อเนื่อง ขับสนุก และถ้าไม่ขยี้คันเร่งตลอดทาง อัตราสิ้นเปลืองก็ยังอยู่ในเกณฑ์รับได้ รถรุ่นนี้ถังน้ำมันจุแค่ 40 ลิตร น่าจะมั่นใจในความประหยัดของตัวเองอยู่พอสมควร

Sport Mode

Honda Civic e:HEV RS 2023 ลองใช้ Sport Mode ขับความเร็วต่ำจะขับให้นุ่มนวลได้ยาก เหมาะกับการขับทางโล่งใช้ความเร็วต่อเนื่องมากกว่า เพราะจะตอบสนองคันเร่งได้ทันใจขึ้น แต่โดยส่วนตัวแล้วใช้แค่โหมด Normal ก็ครอบคลุมการใช้งานแล้ว ขับในเมืองราบเรียบนุ่มนวล ขับทางไกลต้องการอัตราเร่งก็แค่ค่อยๆ เพิ่มแรงกดลงที่แป้นคันเร่ง รู้สึกว่ารถจะตอบสนองดีกว่าการกดคันเร่งสุดแบบพรวดพราดด้วยซ้ำ โดยรวมเป็นรถไฮบริดที่ขับสนุก มีชีวิตชีวา ไม่น่าเบื่อ ช่วงแรกขับค่อนข้างเร็ว ยังได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 14-15 กิโลเมตรต่อลิตร สมน้ำสมเนื้อกับลักษณะการขับ ขากลับสลับผู้ขับ เซต 0 ข้อมูลการขับใหม่ ใช้ความเร็วตามกฎหมาย ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 20 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าจะขับให้ได้เท่าตัวเลขจากโรงงาน ต้องใช้ความเร็วต่ำกว่านี้ คงที่กว่านี้ และใช้ระยะทางมากกว่านี้ ลองขับชิลๆ ได้ไม่นาน ผู้ขับก็อดใจไม่ไหวต้องลองกดคันเร่งดูบ้าง ถ้ารู้จังหวะในการกดคันเร่ง จะแทบไม่ต้องรีดเค้นเครื่องยนต์มาก ใช้ระยะทางและเวลาไม่นาน ก็สามารถทำความเร็วระดับเสียค่าปรับอัตราสูงสุดได้ไม่ยาก การเร่งแซงทำได้เฉียบขาดปลอดภัย

ความหนึบแน่นของช่วงล่างที่น่าพอใจ

Honda Civic e:HEV RS 2023  ใช้ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังมัลติลิงก์ ปรับค่า K ของสปริงให้มากขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์เพื่อรองรับน้ำหนักตัวรถที่เพิ่มขึ้นประมาณ 100 กิโลกรัม ส่วนช๊อกฯ ยังคงเดิม ให้ล้อและยางขนาดใหญ่ 235/40/18 เมื่อรวมกับการปรับเซตระบบต่างๆ แล้ว มีการดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีแม้ใช้ยางแก้มเตี้ย ขับแล้วไม่รู้สึกกระแทกหรือเหนื่อยล้า มีความนุ่มนวลและหนักแน่น ขับความเร็วสูงตัวรถนิ่งด้วยฐานล้อที่ยาวกับยางแก้มเตี้ยลดการบิดตัว นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากการจัดวางอุปกรณ์ของระบบไฮบริดที่มีส่วนช่วยเสริมสมรรถนะการทรงตัว เช่น จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง 10 มิลลิเมตร จากการจัดวาง IPU ไว้ที่ใต้เบาะหลัง ส่งผลดีต่อสมรรถนะโดยรวมของการทรงตัว รวมทั้งโครงสร้างของรถในส่วน Upper Body ที่มีความแข็งแรง ไม่บิดตัวหรือโคลงง่าย จึงให้แฮนด์ลิ่งที่เฉียบคม คล่องแคล่ว และเบาแรง

MODULO เพื่อแตกต่าง

 ยกระดับความสปอร์ตไปอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) ออกแบบด้วยแนวคิด ‘Make the CIVIC 3F (Fashion, Function and Featured)’ ประกอบด้วย สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก 10,000 บาท, แป้นเหยียบแบบสปอร์ต 1,800 บาท, คิ้วบันได LED 5,100 บาท, ฝาครอบกระจกมองข้าง 1,000 บาท, คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า 1,950 บาท, ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส 1,150 บาท, คิ้วตกแต่งกระจังหน้า 3,900 บาท, คิ้วตกแต่งกันชนหลัง 5,900 บาท และไฟส่องสว่างที่เท้า 2,200 บาท

พวงมาลัยดูอัลพิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า

พวงมาลัยดูอัลพิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า เบาแรงคล่องตัวที่ความเร็วต่ำ แต่รู้สึกว่าเบาไปนิดเมื่อใช้ความเร็วสูง ทำให้ต้องใช้ความตั้งอกตั้งใจในการเข้าโค้งมากขึ้น ถ้าพวงมาลัยหน่วงหนืดขึ้นก็น่าจะขับสนุกและเป็นธรรมชาติมากกว่านี้ ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ พร้อมตัวช่วยครบครัน ทำงานได้รุนแรงหนักหน่วงสมกับพละกำลังในการขับเคลื่อน การกดแป้นเบรกให้ความรู้สึกที่ดี ควบคุมแรงเบรกได้ง่าย จะเบรกเบาเพื่อชะลอหรือเบรกหนักหน่วงเพื่อหยุดกะทันหันก็ทำได้ดังใจ

 อีกจุดที่ต้องชมคือ การให้ระบบความปลอดภัยในกลุ่ม Honda SENSING ทั้ง 6 ระบบ เหมือนกันในทุกรุ่นย่อย ประกอบด้วย

ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก

 ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) เตือนผู้ขับให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชนระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ 

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) กล้องหน้าจะตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับ 

ระบบเตือนและช่วยควบคุม

ะบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)ใช้กล้องหน้าตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนที่พวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร

ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ทำงานร่วมกับกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า ความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ Honda Civic e:HEV RS 2023 ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับกดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน

 ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับ

ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่

ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า